>
HUMAN.AI: สูตรการทำงานแห่งอนาคตที่รวมคนและเทคโนโลยีไว้ด้วยกัน
Article
July 6, 2025

HUMAN.AI: สูตรการทำงานแห่งอนาคตที่รวมคนและเทคโนโลยีไว้ด้วยกัน

เมื่อเทคโนโลยี A.I. เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดและพัฒนาความสามารถใหม่ ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นความเร็วในการเรียนรู้หรือความแม่นยำในการวิเคราะห์ข้อมูล หลายคนจึงอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า วันหนึ่งเราอาจถูกแทนที่ด้วย A.I. หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อองค์กรเริ่มใช้ A.I. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการดำเนินงาน

อย่างไรก็ตาม คุณอภิรัตน์ หวานชะเอม Head of True X จาก True Digital Group ได้ชี้ให้เห็นว่า แท้จริงแล้ว แนวคิดที่ว่า A.I. จะมาแทนที่คน เป็นเพียงภาพลวงตาที่อาจทำให้เราพลาดโอกาสสำคัญในการร่วมมือกันระหว่างมนุษย์และเทคโนโลยี เพราะในโลกการทำงานยุคใหม่ คำถามสำคัญไม่ใช่ว่า “ใครจะอยู่ ใครจะไป” หากแต่คือ “เราจะเดินไปด้วยกันได้อย่างไร”

หัวใจของการเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตอยู่ที่แนวคิด A.I. adoption must be inclusive, purposeful & empowering การใช้ A.I. ต้องครอบคลุม เข้าถึงได้ทุกคน มีเป้าหมายที่ชัดเจน และเสริมพลังให้กับคนทำงานทุกระดับ โดยไม่ปล่อยให้ใครหลุดออกจากภาพใหญ่ของการพัฒนา

A.I. ไม่ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อแทนที่มนุษย์ แต่เพื่อ “ร่วมสร้างนิยามใหม่ของการทำงาน” เสริมศักยภาพในการคิด วิเคราะห์ ตัดสินใจ และสร้างคุณค่าในรูปแบบที่มนุษย์เพียงลำพังอาจไปไม่ถึง

ในโลกที่ทุกอย่างเปลี่ยนเร็ว การนำ A.I. มาใช้จึงควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของเป้าหมายที่ชัดเจน การออกแบบที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง และแนวคิดที่มุ่งเสริมพลังให้คนสามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้น ไม่ใช่น้อยลง

Human.AI Superpower: พลังร่วมระหว่างมนุษย์และเทคโนโลยี ที่มากกว่าการทำงานคนเดียว

คุณอภิรัตน์ หวานชะเอม เสนอแนวคิด “Human.AI” ที่มองว่า A.I. ไม่ใช่ผู้มาแทนที่ แต่คือเพื่อนร่วมทีมที่ทำงานเคียงข้างมนุษย์ โดยให้มนุษย์ซึ่งมีวิจารณญาณและจริยธรรมเป็นผู้นำทาง (conductor) ส่วน A.I. รับบทผู้ประมวลข้อมูลที่ซับซ้อนด้วยความเร็วและแม่นยำ การทำงานร่วมกันจึงก่อให้เกิดพลังเหนือขีดจำกัดที่ไม่มีฝ่ายใดทำได้เพียงลำพัง

องค์กรและ HR จำเป็นต้องเข้าใจจุดแข็งระหว่างคนกับ A.I. เพื่อพัฒนาทักษะได้ตรงจุด โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ยุค Agentic A.I. ที่ผสานทั้งความสามารถในการคาดการณ์ (Predictive) และสร้างสรรค์ (Generative) อย่างมีประสิทธิภาพ A.I. ต้องเรียนรู้ ‘How’ และ ‘What’ ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ขณะที่มนุษย์ต้องโฟกัสกับ ‘Why’ และ ‘When’ เพื่อชี้นำทิศทางและตัดสินใจอย่างมีวิจารณญาณ

Human.AI Framework

คุณอภิรัตน์ หวานชะเอม ยังได้เสนอกรอบแนวคิด Human.AI Framework ซึ่งประกอบด้วย 3 ขั้นตอนสำคัญ ที่ช่วยให้องค์กรสามารถนำ A.I. มาใช้ร่วมกับมนุษย์ได้อย่างมีเป้าหมาย ครอบคลุม และส่งเสริมศักยภาพของคนให้ก้าวล้ำยิ่งกว่าเดิม

#Reflect

เริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจลักษณะของงาน เพื่อระบุว่า A.I. จะเข้ามาสนับสนุนตรงจุดใด โดยใช้เทมเพลต Human.AI Design Pattern แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่

– Pure Execution งานที่มีโครงสร้างชัดเจน ทำซ้ำได้ สามารถเพิ่ม A.I. เพื่อเร่งประสิทธิภาพได้ทันที

– Super-Why งานที่ A.I. ร่วมวางแผนและวิเคราะห์ได้ แต่ต้องพึ่งมนุษย์ในการตัดสินใจ

– Creator งานที่ต้องอาศัยวิสัยทัศน์และความคิดสร้างสรรค์จากมนุษย์ โดยมี A.I. เป็นผู้ช่วยสนับสนุน

#Reframe

ปรับมุมมองใหม่ต่อบทบาทของงาน ระบุขอบเขตทักษะที่จำเป็น และที่สำคัญคือต้องปรับมายเซ็ตให้เชื่อมั่นในความสามารถของทั้งคนและ A.I. เพราะเป้าหมายไม่ใช่การลดบทบาทมนุษย์ แต่คือการเสริมศักยภาพให้ทำงานได้ดีขึ้นในโลกที่เปลี่ยนไป

#Reinvent

เมื่อองค์กรขยับจากระบบงานแบบยึดตำแหน่ง (role-based) มาสู่การขับเคลื่อนด้วยทักษะ (skill-based) จึงถึงเวลาต้องปรับ Job Description ใหม่ ให้สะท้อนทั้ง soft skills และ hard skills ที่จำเป็น เพื่อให้สามารถสรรหาคนที่ตอบโจทย์การทำงานได้อย่างแท้จริง

ท้ายที่สุด คุณอภิรัตน์ได้กล่าวในฐานะนักเทคโนโลยีว่า การสร้างระบบการทำงานที่เป็นมิตรและครอบคลุมทุกกลุ่มคน คือความรับผิดชอบร่วมของผู้นำองค์กร เพื่อให้ทุกคนสามารถเติบโตไปพร้อมกับเทคโนโลยี และยังคงรักษาแรงบันดาลใจในการทำงานไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม เพราะนี่คือวิธีการสร้างองค์กรที่มีคุณค่าอย่างยั่งยืนในโลกอนาคต

Tag:
Article
Share this post:
ณัชชา ทะละวงษ์

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
Article
7 เหตุผลที่คุณต้องมาฟัง Dave Ulrich ในงาน HR DAY – PMAT 60th Anniversary International HR Conference
หากย้อนกลับไปเมื่อปี 2010 ก่อนหน้าที่ทาง PMAT จะได้มีโอกาสเชิญบุคลากรผู้ทรงคุณค่าในวงการ HR อย่างศาสตราจารย์ Dave Ulrich มาปรากฏตัวที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรกนั้น หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า HR Competency กันมาบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำว่า Employee Champion (ผมแปลเองเป็นภาษาง่าย ๆ ว่า ผู้ชนะใจพนักงาน) เมื่อสิบห้าปีที่แล้ว โลกของเรายังไม่ก้าวหน้ารวดเร็วเท่ากับยุคปัจจุบัน การเข้าถึงแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ใน internet ก็ทำได้อย่างจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันในระดับที่ “ทันกับเวลา” จึงทำให้ HR หลาย ๆ ท่านเจอกำแพงอุปสรรคของการพัฒนาตนเอง เพราะเนื่องจากยังไม่เข้าใจบริบทในภาพกว้างของโลก / ธุรกิจ จึงยึดติดกับการพัฒนางานของตนเองในระดับปฏิบัติการมากกว่า อาทิเช่น ทักษะการใช้เครื่องมือนำเสนอ หรือทักษะการใช้การจัดเก็บความรู้ แต่เรายังไม่เข้าใจถึงแก่นว่าเพราะอะไรทำไมเราถึงต้องลุกขึ้นมาปัดฝุ่นการทำงานของเรา (HR Role and Competency) ให้ขึ้นมามีบทบาททางธุรกิจมากขึ้น และคนที่สะกิดบอกทั้งโลกว่า “เฮ้! งาน HR มันคืองานในระดับธุรกิจนะ” ก็คือ อาจารย์ Dave นี่เอง
October 7, 2025
Article
“ทำไม HR ต้องมีความกล้า” คำถามที่ท้าทายจาก Dave Ulrich
ชื่อของ Dave Ulrich ได้เป็นที่ยอมรับจากนักบริหารและผู้นำจากทั่วโลกว่า เป็นหนึ่งใน Guru ด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาภาวะผู้นำที่ทรงอิทธิพลทางความคิดในระดับที่ปรับโฉมการบริหารทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมาเป็นระยะ เพราะสิ่งที่ Dave Ulrich นำเสนอผ่านการเขียน การเดินทางไปบรรยายทั่วโลกด้วยมุมมอง แนวคิดที่ตกผลึกมาจากงานวิจัยอย่างลงลึกต่อเนื่อง ทำให้กรอบแนวคิดแต่ละช่วงเวลาของท่านได้สร้างแรงกระเพื่อมในวงการบริหารไปทั่วโลก
October 5, 2025
Article
เหตุผลที่คุณควรมาฟัง Erin Meyer อีกครั้งในงาน PMAT 2025
ท่านผู้อ่านเคยสงสัยหรือไม่ครับว่าองค์กรระดับโลกอย่าง Netflix สร้างวัฒนธรรมที่กระตุ้นนวัตกรรมได้อย่างไร? หรือเคยเผชิญความท้าทายในการทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานต่างวัฒนธรรมที่การสื่อสารเกิดความเข้าใจผิด? นี่คือโอกาสที่พวกเรากำลังจะได้รับมุมมองและแนวทางแก้ไขจากผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้านวัฒนธรรมองค์กร Erin Meyer ซึ่งกำลังจะกลับมาแบ่งปันความรู้กับผู้ฟังชาวไทยอีกครั้งในงาน PMAT 60th Anniversary HR International Conference 2025 ในระหว่างวันที่ 12–13 พฤศจิกายน 2025 นี้ ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย (PMAT) เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี และเปิดเวทีให้นักวิชาชีพ HR, ผู้เชี่ยวชาญ L&D, ผู้นำองค์กร และผู้สนใจด้านวัฒนธรรมการทำงาน ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสุดยอดนักคิดระดับโลก
October 2, 2025