>
Transformational Leadership in the Age of AI: ภาวะผู้นำที่ขับเคลื่อนคนในวันที่เทคโนโลยีล้ำหน้า
Article
July 5, 2025

Transformational Leadership in the Age of AI: ภาวะผู้นำที่ขับเคลื่อนคนในวันที่เทคโนโลยีล้ำหน้า

เมื่อเทคโนโลยีอย่างปัญญาประดิษฐ์ หรือ A.I. ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตการทำงานประจำวัน ไม่เพียงแต่งานจะเปลี่ยน แต่ "คน" เองก็ต้องเผชิญกับแรงกระเพื่อมของการเปลี่ยนแปลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คำถามสำคัญที่เกิดขึ้นคือ เมื่อ A.I. สามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ผู้นำยุคใหม่ควรยืนอยู่ตรงไหน และจะนำพา “คน” ให้เดินไปข้างหน้าท่ามกลางคลื่นเทคโนโลยีนี้อย่างไร

ดร.อัจฉรา จุ้ยเจริญ Founder & CEO แห่ง AcComm Group ได้ให้คำตอบไว้ในเวที Thailand HR Tech 2025 ว่าบทบาทของผู้นำในวันนี้ไม่ใช่แค่การ “นำ” อีกต่อไป แต่คือการ “ปลุกพลัง” ในตัวคน การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงเกิดขึ้นได้ยากโดยเฉพาะในบริบทของมนุษย์ เพราะธรรมชาติของคนมักหวาดกลัวสิ่งที่มองไม่เห็น โดยเฉพาะอนาคต นี่จึงเป็นเหตุผลที่ผู้นำต้องใช้ “หัวใจ” ในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง ด้วยการมี empathy เข้าใจทั้งพนักงาน ลูกค้า และองค์กรอย่างลึกซึ้ง และที่สำคัญ ต้องมีความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น ซึ่ง ดร.อัจฉรา เรียกว่า “The New A.I.” – Artificial Intelligence with Artificial Integrity

ผู้นำแบบไหน...จึงจะตอบโจทย์การทำงานในยุคเปลี่ยนผ่าน

ในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและซับซ้อน ความสามารถในการเป็นผู้นำไม่ได้วัดเพียงจากทักษะในการสั่งการหรือความสามารถเฉพาะบุคคลอีกต่อไป แต่หมายถึงความสามารถในการ “ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง” สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่น และพาองค์กรไปสู่จุดหมายที่มีความหมายต่อทั้งธุรกิจและสังคม

แนวคิดเรื่องภาวะผู้นำแบบ Transformational Leadership หรือ “ภาวะผู้นำการเปลี่ยนผ่าน” จึงเป็นแนวทางที่ตอบโจทย์การทำงานในยุคนี้อย่างแท้จริง ผู้นำประเภทนี้ไม่เพียงแค่มุ่งหวังผลลัพธ์เชิงประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังใส่ใจผลกระทบต่อทีม คนรอบข้าง และสังคมในภาพรวม พวกเขาไม่ใช่เพียงผู้จัดการ แต่คือผู้จุดประกายความเปลี่ยนแปลง

หัวใจของภาวะผู้นำเชิงเปลี่ยนผ่านประกอบด้วยสี่องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่

การเป็นแบบอย่างที่ดี (Idealized Influence) ผู้นำต้องแสดงออกถึงความน่าเชื่อถือ มีหลักการ และมีพฤติกรรมที่สร้างแรงศรัทธาให้ผู้คนอยากเดินตาม โดยไม่ต้องใช้คำสั่ง

การสร้างแรงบันดาลใจผ่านการสื่อสาร (Inspirational Motivation) การสื่อสารของผู้นำต้องไม่ใช่เพียงการส่งต่อข้อมูล แต่ต้องมีพลังในการชี้เป้าหมาย ปลุกใจ และกระตุ้นให้ทีมกล้าคิด กล้าทำในสิ่งใหม่

การกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ (Intellectual Stimulation) ผู้นำควรเปิดกว้างต่อแนวคิดที่แตกต่าง ท้าทายกรอบความคิดเดิม และสนับสนุนให้เกิดนวัตกรรม แม้สิ่งนั้นจะยังไม่สมบูรณ์

การให้ความสำคัญต่อแต่ละบุคคล (Individualized Consideration) ความเข้าใจในศักยภาพและความต้องการเฉพาะตัวของแต่ละคน คือกุญแจสำคัญในการวางคนให้เหมาะกับงาน และสนับสนุนให้เขาเติบโตในทางที่ดีที่สุดของตนเอง

ในท้ายที่สุด ผู้นำที่สามารถตอบโจทย์การทำงานในยุคนี้ได้อย่างแท้จริง คือลีดเดอร์ที่ไม่เพียงแต่ปรับตัวได้ แต่ยังสามารถนำพาผู้อื่นให้เปลี่ยนผ่านไปด้วยกัน สร้างทีมที่มีพลัง และองค์กรที่พร้อมเผชิญอนาคตด้วยความมุ่งมั่นและมีเป้าหมายที่ชัดเจน

อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญที่ขวางกั้นผู้นำหลายคนจากการเปลี่ยนแปลงในทิศทางนี้คือ การติดอยู่กับ “Transactional Leadership” หรือการบริหารแบบเน้นเป้าหมายเป็นศูนย์กลาง ซึ่งมุ่งวัดผลด้วยรางวัลและบทลงโทษ พฤติกรรมเช่นนี้อาจสร้างผลลัพธ์ระยะสั้นได้ แต่ขาดแรงผลักจากภายใน และอาจทำลายแรงบันดาลใจของพนักงานในระยะยาว

หากต้องการเปลี่ยนผ่านไปสู่ภาวะผู้นำที่สร้างแรงจูงใจได้จริง ผู้นำควรเปิดพื้นที่ให้ทีมสามารถแสดงความคิดเห็นอย่างปลอดภัย อาจเริ่มจากการสำรวจทัศนคติ การสร้างพื้นที่ปลอดภัยในองค์กร หรือการใช้กลไกอย่าง Group-coaching system เพื่อรับฟังพนักงานอย่างลึกซึ้งในระดับรายบุคคลและรายกลุ่ม

เมื่อผู้นำสามารถเข้าใจและจุดประกายคนได้อย่างแท้จริง องค์กรจะไม่เพียงพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี แต่ยังจะสามารถ “เปลี่ยนคน” ให้พร้อมก้าวสู่อนาคตไปด้วยกันได้อย่างยั่งยืน

Tag:
Article
Share this post:
ณัชชา ทะละวงษ์

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
Article
7 เหตุผลที่คุณต้องมาฟัง Dave Ulrich ในงาน HR DAY – PMAT 60th Anniversary International HR Conference
หากย้อนกลับไปเมื่อปี 2010 ก่อนหน้าที่ทาง PMAT จะได้มีโอกาสเชิญบุคลากรผู้ทรงคุณค่าในวงการ HR อย่างศาสตราจารย์ Dave Ulrich มาปรากฏตัวที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรกนั้น หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า HR Competency กันมาบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำว่า Employee Champion (ผมแปลเองเป็นภาษาง่าย ๆ ว่า ผู้ชนะใจพนักงาน) เมื่อสิบห้าปีที่แล้ว โลกของเรายังไม่ก้าวหน้ารวดเร็วเท่ากับยุคปัจจุบัน การเข้าถึงแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ใน internet ก็ทำได้อย่างจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันในระดับที่ “ทันกับเวลา” จึงทำให้ HR หลาย ๆ ท่านเจอกำแพงอุปสรรคของการพัฒนาตนเอง เพราะเนื่องจากยังไม่เข้าใจบริบทในภาพกว้างของโลก / ธุรกิจ จึงยึดติดกับการพัฒนางานของตนเองในระดับปฏิบัติการมากกว่า อาทิเช่น ทักษะการใช้เครื่องมือนำเสนอ หรือทักษะการใช้การจัดเก็บความรู้ แต่เรายังไม่เข้าใจถึงแก่นว่าเพราะอะไรทำไมเราถึงต้องลุกขึ้นมาปัดฝุ่นการทำงานของเรา (HR Role and Competency) ให้ขึ้นมามีบทบาททางธุรกิจมากขึ้น และคนที่สะกิดบอกทั้งโลกว่า “เฮ้! งาน HR มันคืองานในระดับธุรกิจนะ” ก็คือ อาจารย์ Dave นี่เอง
October 7, 2025
Article
“ทำไม HR ต้องมีความกล้า” คำถามที่ท้าทายจาก Dave Ulrich
ชื่อของ Dave Ulrich ได้เป็นที่ยอมรับจากนักบริหารและผู้นำจากทั่วโลกว่า เป็นหนึ่งใน Guru ด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาภาวะผู้นำที่ทรงอิทธิพลทางความคิดในระดับที่ปรับโฉมการบริหารทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมาเป็นระยะ เพราะสิ่งที่ Dave Ulrich นำเสนอผ่านการเขียน การเดินทางไปบรรยายทั่วโลกด้วยมุมมอง แนวคิดที่ตกผลึกมาจากงานวิจัยอย่างลงลึกต่อเนื่อง ทำให้กรอบแนวคิดแต่ละช่วงเวลาของท่านได้สร้างแรงกระเพื่อมในวงการบริหารไปทั่วโลก
October 5, 2025
Article
เหตุผลที่คุณควรมาฟัง Erin Meyer อีกครั้งในงาน PMAT 2025
ท่านผู้อ่านเคยสงสัยหรือไม่ครับว่าองค์กรระดับโลกอย่าง Netflix สร้างวัฒนธรรมที่กระตุ้นนวัตกรรมได้อย่างไร? หรือเคยเผชิญความท้าทายในการทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานต่างวัฒนธรรมที่การสื่อสารเกิดความเข้าใจผิด? นี่คือโอกาสที่พวกเรากำลังจะได้รับมุมมองและแนวทางแก้ไขจากผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้านวัฒนธรรมองค์กร Erin Meyer ซึ่งกำลังจะกลับมาแบ่งปันความรู้กับผู้ฟังชาวไทยอีกครั้งในงาน PMAT 60th Anniversary HR International Conference 2025 ในระหว่างวันที่ 12–13 พฤศจิกายน 2025 นี้ ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย (PMAT) เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี และเปิดเวทีให้นักวิชาชีพ HR, ผู้เชี่ยวชาญ L&D, ผู้นำองค์กร และผู้สนใจด้านวัฒนธรรมการทำงาน ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสุดยอดนักคิดระดับโลก
October 2, 2025