>
Future of Employee Well-Being: สุขภาวะพนักงานในวันที่องค์กรต้องมองไกล
Article
June 30, 2025

Future of Employee Well-Being: สุขภาวะพนักงานในวันที่องค์กรต้องมองไกล

ในโลกการทำงานที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และบริบททางสังคมที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ “สุขภาวะของพนักงาน” จึงไม่ได้เป็นเพียงสวัสดิการหรือแคมเปญชั่วคราวอีกต่อไป หากแต่กลายเป็นหนึ่งใน “กลยุทธ์หลัก” ที่องค์กรต้องนำมาออกแบบอย่างจริงจัง เพื่อเตรียมพร้อมรับอนาคต

วิพัตรา โตเต็มโชคชัยการ นักวิจัยด้านอนาคตศาสตร์ พาเราย้อนกลับมามอง “วันนี้” ผ่าน “ภาพอนาคต” ด้วยมุมมองที่ลึกและเป็นระบบ เธอชี้ว่า การวางแผนเพื่ออนาคตของสุขภาวะพนักงาน ต้องอาศัยการมองแบบรอบด้าน ทั้งในภาพที่ดีที่สุดและเลวร้ายที่สุด เพื่อเตรียมองค์กรให้พร้อมในทุกสถานการณ์ ไม่ใช่เพียงเพื่อความอยู่รอด แต่เพื่อ “การอยู่ได้อย่างมีคุณภาพ”

Foresight: เครื่องมือสำคัญในการออกแบบอนาคต

สิ่งสำคัญที่คุณวิพัตรานำเสนอ คือการใช้ “Foresight” ซึ่งเป็นกระบวนการวิเคราะห์แนวโน้มอย่างมีระบบ โดยอาศัยข้อมูล วิทยาศาสตร์ และปัจจัยเชิงสังคม เพื่อวางกลยุทธ์ล่วงหน้า Foresight ไม่ใช่การทำนาย แต่เป็นการเตรียมพร้อม ทำให้ผู้นำองค์กรสามารถตัดสินใจอย่างมีกลยุทธ์ สร้างนโยบายที่สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

10 มิติของสุขภาวะพนักงานที่องค์กรควรรู้จัก

หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของ session นี้คือ “10 มิติของ Employee Well-being” ที่องค์กรสามารถใช้เป็นแนวทางในการออกแบบและวางแผนการดูแลพนักงาน ซึ่งไม่จำเป็นต้องเริ่มจากทุกมิติพร้อมกัน แต่อย่างน้อยควรเริ่มจากจุดที่องค์กรมีศักยภาพและเห็นผลกระทบได้จริง

สุขภาวะที่ดีทางกายภาพ (Physical Well-being) ตอบสนองความต้องการทางร่างกายผ่านกิจกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพ เช่น การออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่เหมาะสม การนอนหลับเพียงพอ และพฤติกรรมการผ่อนคลาย

สุขภาวะที่ดีทางอารมณ์ (Emotional Well-being) ความสามารถในการแสดงออกและจัดการอารมณ์ ทั้งด้านบวกและลบ รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและมั่นคงกับผู้อื่น

สุขภาวะที่ดีทางจิตวิญญาณ (Spiritual Well-being) การมีเป้าหมายในชีวิต ค่านิยม และความหมายที่ชัดเจน ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนภายในของพนักงาน

สุขภาวะที่ดีทางสังคม (Social Well-being) การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น มีความสามารถในการสื่อสาร และมีเครือข่ายสังคมที่สนับสนุน

สุขภาวะที่ดีทางสติปัญญา (Intellectual Well-being) การแสวงหาความรู้ พัฒนาตนเอง มีความตื่นตัวในการเรียนรู้ และมีทักษะในการคิดวิเคราะห์

สุขภาวะที่ดีด้านความคิดสร้างสรรค์ (Creative Well-being) ส่งเสริมให้พนักงานได้แสดงออกทางศิลปะ การใช้จินตนาการ การคิดเชิงนวัตกรรม และการรับฟังมุมมองที่หลากหลาย

สุขภาวะที่ดีด้านอาชีพ (Occupational Well-being) ความพึงพอใจในอาชีพ ความรู้สึกว่าการทำงานมีความหมาย และมีโอกาสในการเติบโตในสายอาชีพ

สุขภาวะที่ดีด้านการเงิน (Financial Well-being) ความมั่นคงและพึงพอใจในสถานะทางการเงินปัจจุบัน รวมถึงการวางแผนการเงินในอนาคตอย่างรอบคอบ

สุขภาวะที่ดีด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Well-being) การทำงานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย สะอาด และสนับสนุนสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ

สุขภาวะที่ดีด้านดิจิทัล (Digital Well-being) การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างสมดุล เพื่อส่งเสริมสุขภาพ ลดความเครียด และสร้างสมาธิในการทำงาน

คุณวิพัตราเน้นว่า หลายมิติสามารถเริ่มได้โดยไม่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก หากแต่ต้องอาศัยความเข้าใจ ความเอาใจใส่ และความเชื่อมั่นว่า “การดูแลสุขภาวะของพนักงาน คือการลงทุนเพื่ออนาคตขององค์กร”

สุขภาวะที่ดี คือ หัวใจขององค์กรที่ยั่งยืน

งานวิจัยและประสบการณ์ต่าง ๆ ชี้ตรงกันว่า พนักงานที่มีสุขภาวะที่ดี ย่อมมีแรงจูงใจในการทำงานสูงขึ้น มีความผูกพันกับองค์กรมากขึ้น และสร้างผลงานได้อย่างมีคุณภาพ ซึ่งล้วนส่งผลต่อประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขันขององค์กรในระยะยาว

คุณวิพัตราทิ้งท้ายด้วยข้อคิดที่ทรงพลังว่า หากองค์กรต้องการไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไม่หยุด การดูแลสุขภาวะของพนักงาน ไม่ใช่ทางเลือก แต่คือ “ความจำเป็นเชิงกลยุทธ์” ที่ต้องเริ่มลงมือทำตั้งแต่วันนี้

Tag:
Article
Share this post:
พรรณวัฒน์ เจริญศิริ

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
Article
7 เหตุผลที่คุณต้องมาฟัง Dave Ulrich ในงาน HR DAY – PMAT 60th Anniversary International HR Conference
หากย้อนกลับไปเมื่อปี 2010 ก่อนหน้าที่ทาง PMAT จะได้มีโอกาสเชิญบุคลากรผู้ทรงคุณค่าในวงการ HR อย่างศาสตราจารย์ Dave Ulrich มาปรากฏตัวที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรกนั้น หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า HR Competency กันมาบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำว่า Employee Champion (ผมแปลเองเป็นภาษาง่าย ๆ ว่า ผู้ชนะใจพนักงาน) เมื่อสิบห้าปีที่แล้ว โลกของเรายังไม่ก้าวหน้ารวดเร็วเท่ากับยุคปัจจุบัน การเข้าถึงแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ใน internet ก็ทำได้อย่างจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันในระดับที่ “ทันกับเวลา” จึงทำให้ HR หลาย ๆ ท่านเจอกำแพงอุปสรรคของการพัฒนาตนเอง เพราะเนื่องจากยังไม่เข้าใจบริบทในภาพกว้างของโลก / ธุรกิจ จึงยึดติดกับการพัฒนางานของตนเองในระดับปฏิบัติการมากกว่า อาทิเช่น ทักษะการใช้เครื่องมือนำเสนอ หรือทักษะการใช้การจัดเก็บความรู้ แต่เรายังไม่เข้าใจถึงแก่นว่าเพราะอะไรทำไมเราถึงต้องลุกขึ้นมาปัดฝุ่นการทำงานของเรา (HR Role and Competency) ให้ขึ้นมามีบทบาททางธุรกิจมากขึ้น และคนที่สะกิดบอกทั้งโลกว่า “เฮ้! งาน HR มันคืองานในระดับธุรกิจนะ” ก็คือ อาจารย์ Dave นี่เอง
October 7, 2025
Article
“ทำไม HR ต้องมีความกล้า” คำถามที่ท้าทายจาก Dave Ulrich
ชื่อของ Dave Ulrich ได้เป็นที่ยอมรับจากนักบริหารและผู้นำจากทั่วโลกว่า เป็นหนึ่งใน Guru ด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาภาวะผู้นำที่ทรงอิทธิพลทางความคิดในระดับที่ปรับโฉมการบริหารทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมาเป็นระยะ เพราะสิ่งที่ Dave Ulrich นำเสนอผ่านการเขียน การเดินทางไปบรรยายทั่วโลกด้วยมุมมอง แนวคิดที่ตกผลึกมาจากงานวิจัยอย่างลงลึกต่อเนื่อง ทำให้กรอบแนวคิดแต่ละช่วงเวลาของท่านได้สร้างแรงกระเพื่อมในวงการบริหารไปทั่วโลก
October 5, 2025
Article
เหตุผลที่คุณควรมาฟัง Erin Meyer อีกครั้งในงาน PMAT 2025
ท่านผู้อ่านเคยสงสัยหรือไม่ครับว่าองค์กรระดับโลกอย่าง Netflix สร้างวัฒนธรรมที่กระตุ้นนวัตกรรมได้อย่างไร? หรือเคยเผชิญความท้าทายในการทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานต่างวัฒนธรรมที่การสื่อสารเกิดความเข้าใจผิด? นี่คือโอกาสที่พวกเรากำลังจะได้รับมุมมองและแนวทางแก้ไขจากผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้านวัฒนธรรมองค์กร Erin Meyer ซึ่งกำลังจะกลับมาแบ่งปันความรู้กับผู้ฟังชาวไทยอีกครั้งในงาน PMAT 60th Anniversary HR International Conference 2025 ในระหว่างวันที่ 12–13 พฤศจิกายน 2025 นี้ ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย (PMAT) เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี และเปิดเวทีให้นักวิชาชีพ HR, ผู้เชี่ยวชาญ L&D, ผู้นำองค์กร และผู้สนใจด้านวัฒนธรรมการทำงาน ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสุดยอดนักคิดระดับโลก
October 2, 2025