>
5 วิธีเปลี่ยนพลังโซเชียลของพนักงาน ให้เป็นกระบอกเสียงดึงดูดคนเก่ง
May 26, 2023

5 วิธีเปลี่ยนพลังโซเชียลของพนักงาน ให้เป็นกระบอกเสียงดึงดูดคนเก่ง

ในแต่ละวัน พนักงานของคุณ 50% โพสต์ข้อความเกี่ยวกับงานและบริษัทลงในโซเชียลมีเดียส่วนตัว แต่! มีพนักงานเพียง 17% ที่โพสต์แบบตั้งใจและมีเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งหมายความว่า อีก 33% ที่เหลือโพสต์โดยไม่ได้คิดอะไรมาก และนี่คือโอกาสขององค์กรที่จะเปลี่ยนพลังของโซเชียลให้กลายเป็นกระบอกเสียงสร้างแบรนด์นายจ้างและดึงดูดคนเก่งเข้ามาในองค์กร และเพิ่มความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กร และยังทำให้งานของ HR ได้รับความสนใจและยอมรับมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปฐมนิเทศพนักงานใหม่ การฝึกอบรม กิจกรรมภายในบริษัท และอื่น ๆ อีกมากมาย

หากไม่มีกลยุทธ์ที่ช่วยวางแนวทางให้พนักงาน บริษัทยิ่งต้องรับความเสี่ยงที่จะต้องลุ้นว่าพนักงานจะโพสต์อะไรลงในโซเชียลมีเดีย ซึ่งส่วนใหญ่มักจะไม่สอดคล้องหรือบิดเบือนไปจากสิ่งที่องค์กรต้องการสื่อสารออกไปภายนอก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องที่ไม่ดี ทั้งอย่างตั้งใจและด้วยความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน หรืออาจเกิดจากทักษะการเขียนหรือการทำรูปภาพที่ไม่เท่ากัน เพราะทุกคนอาจไม่ใช่ครีเอเตอร์มืออาชีพ

การโปรโมทผ่านสื่อขององค์กรอย่างเป็นทางการ เช่น เว็บไซต์บริษัท โซเชียลมีเดียของบริษัท อีเวนต์ทางการ ฯลฯ มักมีข้อจำกัดในเชิงแบรนด์เต็มไปหมด ต้องผ่านกลั่นกรองและการอนุมัติอีกสิบขั้น จนทำให้ message ขาดความเรียลและจริงใจ โดยเฉพาะเมื่อต้องสื่อสารว่าองค์กรให้ความสำคัญกับความแตกต่างหลากหลายในองค์กร (Diversity & Inclusion) การเรียนรู้และพัฒนา (Learning & Development) การมีส่วนช่วยส่งเสริมสังคมและสิ่งแวดล้อม (Social Responsibility) หรือแม้กระทั่งวัฒนธรรมองค์กรที่มีชีวิต (Culture) และเมื่อเป็นเรื่องคน ธรรมชาติของคนเราจะไม่สามารถฟังจากปากคนเพียงคนเดียว หรือสื่อเดียวได้ แต่ต้องฟังจากคนส่วนใหญ่ในองค์กร

ด้วยการสร้างเครือข่ายพนักงานที่พร้อมจะช่วยโปรโมทภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร (Employer Branding) ไปพร้อม ๆ กับการสร้างแบรนด์ให้ตัวเอง (Personal Branding) ผ่านโปรแกรมที่เรียกว่า Employee Advocacy Program องค์กรจะสามารถเพิ่มยอด Reach ที่จะเข้าถึงคนกลุ่มใหม่ ๆ ได้ถึง 200% และคนที่กำลังหางานในปัจจุบัน เชื่อรีวิวในโซเชียลมีเดีย หรือการได้พูดคุยกับพนักงานตัวจริงที่ทำงานอยู่ในแต่ละองค์กร มากกว่าการพูดคุยกับ HR หรือหัวหน้างานเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนตัดสินใจ

ถึงแม้จะมีประโยชน์มากขนาดนี้ แต่มันกลับไม่ได้ง่ายแบบนั้น เพราะองค์กรส่วนใหญ่เชื่อว่า พนักงานมักจะโพสต์เรื่องไม่ดีลงในโซเชียลมีเดีย และขาดความไว้เนื้อเชื่อใจ นำมาซึ่งนโยบายในการ “ห้าม” พนักงานโพสต์เกี่ยวกับบริษัทลงในโลกโซเชียล แต่อย่างที่ทราบกันดีว่า ในโลกที่ทุกอย่างอยู่บนออนไลน์และการสนับสนุนความคิดเสรี เป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้จริง และยิ่งกลับจะทำให้พนักงานมององค์กรในแง่ลบ

การวางแผนให้พนักงานโพสต์คอนเทนต์ในด้านดีเกี่ยวกับองค์กร จึงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่หลายองค์กรกำลังให้ความสำคัญและกำลังมาแรง

1. Social Media Knowledge ให้ความรู้พนักงานเกี่ยวกับโซเชียลมีเดีย พนักงานในองค์กรประกอบด้วยคนหลากหลายกลุ่ม ที่มีพฤติกรรมและความรู้ในการใช้โซเชียลมีเดียที่แตกต่างกัน องค์กรจึงจำเป็นต้องให้ความรู้ อัพเดทข่าวสารเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวและสิ่งที่เป็นประโยชน์ รวมถึงข้อควรระวังให้กับพนักงานแบบจริงจัง ซึ่งนอกจากจะเป็นประโยชน์กับองค์กรแล้ว ยังเป็นประโยชน์กับพนักงานในการนำไปใช้กับเรื่องส่วนตัวด้วย

2. Skill & Tools ให้ทักษะและเครื่องมือ เพื่อให้พนักงานสามารถร่วมเป็นกระบอกเสียงให้กับแบรนด์ได้โดยใช้ความพยายามน้อยที่สุด ไม่ต้องนั่งทำรูปเอง หรือตัดต่อวิดีโอเอง ในแต่ละกิจกรรมสำคัญ ๆ ขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นการฝึกอบรม อีเวนต์ หรือกิจกรรมสันทนาการต่าง ๆ องค์กรจึงควรมี Materials บางอย่าง อาทิ Artwork มาตรฐาน, Caption, Hashtag ที่สามารถหยิบไปลงมือทำได้ทันที โดยปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสไตล์ของแต่ละคนได้เอง เพราะแต่ละคนจะมีรูปแบบที่ถนัดแตกต่างกัน บางคนถนัดรีวิวผ่านวิดีโอ หรือ tiktok ในขณะที่บางคนถนัดการส่งรูปผ่านทางไลน์กรุ๊ป เป็นต้น

3. Personal Brand Opportunities ให้สิ่งตอบแทนกับพนักงานที่มากกว่าของรางวัลหรือเงิน แต่จูงใจด้วยโอกาสในการสร้างแบรนด์ส่วนตัวในฐานะผู้เชี่ยวชาญในงาน โอกาสในการแบ่งปันความรู้และสิ่งดี ๆ รอบตัวให้กับ Friends & Family ของแต่ละคน โดยอาจไม่จำเป็นต้องเป็น Talent ขององค์กรเพียงอย่างเดียว เพราะคุณจะลงเอยด้วยการใช้รูปซ้ำ ๆ อยู่เพียง 5-10% ขององค์กร และไม่จริงใจ (Not Authentic) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่สุดของโซเชียลมีเดีย ในขณะที่แต่ละองค์กรต้องประกอบไปด้วยคนหลายกลุ่ม ที่มีหลายคาแรกเตอร์ ถ้าจะเข้าถึงคนทุกกลุ่มก็จำเป็นต้องใช้พลังจากพนักงานที่มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นตามช่วงอายุ สายงาน ความสนใจหรือลักษณะส่วนบุคคล เป็นต้น

4. Issue Management Protocol ในเมื่อมีความเสี่ยง ก็ต้องมีวิธีป้องกันและแก้ไข เพราะสาเหตุหลักที่หลายองค์กรยังกังวลกับโซเชียลมีเดียของพนักงาน ก็อันเนื่องมาจากกลัวว่าพนักงานจะโพสต์เรื่องที่ไม่ดีหรือสร้างความเสียหาย ทั้ง ๆ ที่ต่อให้ห้ามอย่างไร ก็ห้ามไม่ได้จริง ดังนั้นจะดีกว่าไหม? หากองค์กรจะมองมุมกลับและสนับสนุนให้คนโพสต์เรื่องดี ๆ ในขณะเดียวกันก็มีแผนรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งอันที่จริงเป็นสิ่งที่ทุกองค์กรควรมี และการที่มี Employee Advocacy Program ที่ชัดเจนน่าจะช่วยลดความเสี่ยงและโอกาสที่จะต้องใช้ Protocol เหล่านี้หากวางแผนมาอย่างดีแล้ว

5. Freedom & Acceptance ใจกว้าง ให้อิสระและการยอมรับอย่างตรงไปตรงมาในสิ่งที่พนักงานโพสต์ อย่างที่เห็นกันอยู่ทุกวันว่า เรื่องที่ไม่จริง จะถูกพลังโซเชียลกำจัดไปเอง ส่วนเรื่องที่จริง ก็จะได้รับการส่งเสริมและส่งต่อ ไม่ช้าก็เร็ว ดังนั้น ไม่มีประโยชน์ที่จะกำหนดกฎเกณฑ์มากเกินไป หรือขอให้พนักงานแก้ไขหรือลบโพสต์ในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะพนักงานมักจะไม่พึงพอใจและหมดแรงจูงใจ หากไม่สามารถแสดงออกได้อย่างเสรีและจริงใจในสิ่งที่รู้สึกกับบริษัททั้งด้านดีและด้านที่ควรปรับปรุง ซึ่งก็จะนำไปแชร์ต่ออยู่ดีในวงปิด และยิ่งปิดก็เหมือนจะทำให้สังคมสนใจมากขึ้น ซึ่งการมี Protocol ที่ชัดเจนในข้อก่อนหน้านี้ และสื่อสารให้เข้าใจตรงกันในเชิง จะช่วยป้องกันไม่ให้เรื่องบานปลาย

เชื่อได้ว่า ในทุกองค์กรมีเรื่องดี ๆ อยู่รอบตัวพนักงานมากมายที่เรามักมองข้ามไปด้วยภารกิจในแต่ละวัน และหลายคนก็อยากจะแชร์สิ่งดี ๆ ให้กับเพื่อนและครอบครัว ดังนั้น นอกจากองค์กรจะมีหน้าที่สร้างบรรยากาศและโปรแกรมส่งเสริมศักยภาพและความผูกพันของพนักงานดี ๆ มากมายแล้ว องค์กรจึงยังมีหน้าที่จุดประกายและสร้าง Positive Sentiment หรือแรงกระเพื่อมที่ส่งต่อความรู้สึกดี ๆ ในองค์กรให้เกิดขึ้นด้วยการวิเคราะห์และออกแบบโปรแกรมอย่างจริงจัง (Structured Program) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์สูงสุดและความภาคภูมิใจในองค์กรและในตัวเองของพนักงานแต่ละคนร่วมกัน

อ้างอิง

https://blog.hootsuite.com/a-6-step-guide-for-creating-an-employee-advocacy-program-for-your-business/

https://www.employerbrandingcollege.com/post/empowering-advocacy-through-storytelling

Tag:
No items found.
Share this post:
วสุธร หาญนภาชีวิน

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024