>
Big Data กับการแสวงหาคุณค่าของสรรพสิ่ง
May 24, 2021

Big Data กับการแสวงหาคุณค่าของสรรพสิ่ง

ปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัดว่าในโลกมีสิ่งมีชีวิตทั้งหมดกี่ชนิด จากประมาณการโดยทีมนักชีววิทยา ในปี ค.ศ. 1990 คาดว่าน่าจะมีถึง 50 ล้านชนิด ตั้งแต่ สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน แบคทีเรีย ไวรัส เห็ด รา พืช สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง และสัตว์ที่มีกระดูกสันหลัง โดยในจำนวนนี้ประมาณ 1.7 ล้านชนิด เป็นสิ่งมีชีวิตที่ได้ถูกมนุษย์ค้นพบ และตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ไว้แล้ว

สรรพสิ่งในโลกทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตแม้จะมีจำนวนมากมายมหาศาล การเกิดขึ้นและคงอยู่ย่อมมีเหตุผลเพื่อบางสิ่งบางอย่างเสมอ ธรรมชาติย่อมไม่สร้างอะไรให้เป็นส่วนเกิน เช่น ไส้ติ่ง ที่แต่ก่อนเชื่อกันว่าเป็นส่วนเกินของร่างกายที่ตกค้างมาจากสายวิวัฒนาการของมนุษย์ ไม่มีหน้าที่ในทางสรีรศาสตร์ เมื่อมีเหตุต้องผ่าตัดช่องท้อง คนไข้มักให้หมอผ่าไส้ติ่งทิ้งไปด้วย เพราะเกรงว่าในอนาคตจะสร้างปัญหาอักเสบขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันไส้ติ่งถูกพบว่ามีส่วนช่วยในการสร้างและปกป้องเชื้อจุลินทรีย์ในกระบวนการย่อยอาหาร ซึ่งถ้ามีการติดเชื้อ อหิวาต์หรือโรคบิด ไส้ติ่งจะทำหน้าที่กระตุ้นระบบย่อยอาหารให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ไส้ติ่งยังมีประโยชน์ในกรณีที่คนไข้ต้องผ่าเอากระเพาะปัสสาวะออก ส่วนของลำไส้จะใช้ทำเป็นกระเพาะปัสสาวะแทน และไส้ติ่งจะถูกนำมาทำเป็นกล้ามเนื้อหูรูด ซึ่งจะช่วยให้คนไข้สามารถกลั้นปัสสาวะได้

การเกิดขึ้นในระยะแรกของบางสิ่งอาจดูไม่มีประโยชน์ จนกระทั่งการมาถึงของเทคโนโลยี ทำให้สิ่งที่ดูธรรมดาๆ กลับกลายเป็นความสำคัญต่อพัฒนาการของมนุษยชาติ เช่น ทรายเป็นของที่พบเห็นได้ทั่วไปและ มีปริมาณมาก ในทรายจะมีซิลิคอนซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของซิลิคอนไดออกไซด์ ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่สามารถสกัดซิลิคอนบริสุทธ์ เพื่อใช้ผสมกับอะลูมิเนียม หล่อทำชิ้นส่วนรถยนต์ ใช้เป็นวัตถุดิบ ผลิตซิลิโคน และยังเป็นส่วนประกอบพื้นฐานสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการผลิตอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์

ในเชิงปรัชญาการมองคุณค่าของสรรพสิ่งจะพิจาณาทั้งในแง่ของความงาม (Beauty) และศีลธรรม (Moral)  ซึ่งในยุคโบราณปรัชญาแนวนี้คือเรื่องของสุนทรียศาสตร์ (Aesthetics) และแนวคิดว่าด้วยจริยศาสตร์ (Ethic) การแสวงหาคุณค่า ในสมัยก่อนเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ‘ทฤษฎีความงาม (Theory of Beauty)’ เพื่อแยกแยะคุณค่าของสรรพสิ่งทั้งในมิติของสารัตถะ (Essence) มิติของผลประโยชน์ (Benefit)  มิติของเป้าหมาย (Purpose)  มิติสัมพัทธ์ (Relative) และมิติผสม (Mix) การแยกแยะทำให้เกิดการตีความ และให้ความสำคัญของมวลสรรพสิ่งไม่เท่ากัน แยกความเป็นธรรมดา ออกจากความสวยงาม ชื่อเสียง และความดี สุดท้ายแนวคิดดังกล่าวซึ่งยังมีอยู่จนถึงปัจจุบันก็นำไปสู่การเลือกปฏิบัติ เช่น ผู้สมัครงานที่รูปร่างหน้าตาดี หรือ หรือมีพื้นเพชาติตระกูลที่มีชื่อเสียง จะได้รับโอกาสในการเข้าทำงานมากกว่าผู้สมัครทั่วไป เนื่องจากภายใต้ดุลยพินิจของกรรมการสัมภาษณ์ คงอดไม่ได้ที่จะใช้จิตใต้สำนึกตามทฤษฎีความงามประกอบการตัดสินใจ

อย่างไรก็ตาม การมาถึงของเทคโนโลยีการจัดการข้อมูลใหญ่ (Bigdata) เป็นการก้าวออกจากปรัชญาดั่งเดิมที่ให้คุณค่าของสรรพสิ่งไม่เท่ากัน ด้วยเทคโนโลยีนี้ทุกสรรพสิ่งในจักรวาล ล้วนมีคุณค่าในตนเองทั้งสิ้น สิ่งที่สำคัญไม่ได้อยู่ที่อะไรมีค่ามากกว่าอะไร หรือใครมีคุณค่ามากกว่าใคร หากแต่อยู่ที่ว่าเมื่อนำทุกสิ่งมารวมกันจะนำไปสรรสร้างประโยชน์ได้อย่างไร ให้เกิดคุณค่ามากกว่าที่มีอยู่เดิม

‘ข้อมูลขนาดใหญ่’ หมายถึง กลุ่มข้อมูลจำนวนมากที่ถูกรวบรวมขึ้นในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง อาจเป็นทั้งโลก ทั้งประเทศ หรือทั้งองค์กร เพื่อนำมาวิเคราะห์และใช้ประโยชน์ ซึ่งข้อมูลที่ถูกรวบรวมจะมีทั้งข้อมูลที่ถูกจัดรูปแบบมาแล้ว (Structured) เช่น ข้อมูลเชิงประชากรของลูกค้าที่มาจากการเก็บข้อมูลแบบสอบถาม สถิติเวลาที่สแกนนิ้วเข้าทำงานของพนักงาน หรือข้อมูลที่ยังกระจัดกระจายกันอยู่ (Unstructured) เช่น ข้อมูลที่ถูกโพสต์ขึ้นโซเชียลมีเดียของแต่ละคน รูปภาพที่แชร์ คลิป พฤติกรรมต่างๆ ที่ถูกเก็บเป็นข้อมูลไว้ เป็นต้น ข้อมูลขนาดใหญ่มีปริมาณมหาศาล ซับซ้อนจนยาก หรือเป็นไปไม่ได้ที่จะประมวลผลทั้งหมดโดยใช้วิธีการแบบเดิม เทคโนโลยีการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ได้ก้าวข้ามข้อจำกัดดังกล่าว จึงถือได้ว่าเป็นการให้ความสำคัญ และพยายามแสวงหาคุณค่าของทุกสรรพสิ่งอย่างเท่าเทียมกัน

การได้มาซึ่งข้อมูลที่จะนำมาวิเคราะห์ มีวิวัฒนาการมาจากเดิมที่ต้องจดบันทึกบนแบบฟอร์มที่สร้างขึ้น พัฒนาต่อมาเป็นจัดเก็บข้อมูลจากเว็บไซต์ลงฐานข้อมูล แต่ในปัจจุบันแหล่งข้อมูลได้เปลี่ยนมาเป็นการใช้เครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ที่สามารถรับข้อมูลได้โดยตรง เช่นเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ เครื่องสแกนลายนิ้วมือ ข้อมูลที่รับส่งทางอีเมล์ โดยเครื่องมือต่างๆ เหล่านี้มักมีหน่วยความจำของตัวเอง และเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เรียกว่า Internet of Think (IoT) สามารถแบ่งปันข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เช่น ข้อมูลพฤติกรรมการสั่งซื้อสินค้าทางอินเตอรเน็ต หรือนาฬิกาอัจฉริยะ (Smart Watch) ที่สามารถเก็บข้อมูลอัตราการเต้นของหัวใจขณะกำลังออกกำลังกาย หรือวัดคุณภาพของการนอนหลับ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีภาพถ่ายดาวเทียมซึ่งเป็นข้อมูลอีกประเภทที่น่าสนใจ เช่น บริษัท Orbital Insight ใช้ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมของคลังสินค้าน้ำมันดิบมาใช้ในการประมาณการระดับน้ำมันในคลังสินค้าผ่านขั้นตอนกระบวนการตรวจจับการเปลี่ยนแปลงเงา (Shadow Detection Algorithm) และนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้รายงานปริมาณการกักเก็บน้ำมันดิบ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง หรือบริษัท RS Metrics ใช้ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมของที่จอดรถในศูนย์การค้ามาวิเคราะห์หาความสัมพันธ์กับยอดขายค้าปลีกของศูนย์การค้านั้นๆ นอกจากนี้ยังมีบริษัท Descartes Labs วิเคราะห์การคาดการณ์ผลผลิตข้าวโพดจากภาพถ่ายดาวเทียมซึ่งแสดงการเปลี่ยนสีของข้าวโพดในช่วงเวลาต่างๆ เป็นต้น การพัฒนาโอเพนซอร์สเฟรมเวิร์ค เช่น Hadoop และ Spark มีความสำคัญต่อการเติบโตของการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่เหล่านี้ เนื่องจากช่วยให้การจัดการข้อมูลง่าย และมีค่าใช้จ่ายที่ถูกลง  

หลายประเทศในทวีปแอฟริกา เช่น ไนจีเรีย แทนซาเนีย อูกันดา มาลาวี หรือ รวันดา มีปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม การพัฒนาทั้งภูมิภาคไปพร้อมกัน จึงต้องใช้การผสมผสานระหว่างข้อมูลที่รัฐบาลมีอยู่แล้ว เช่นข้อมูลประกันสังคมที่บอกได้ถึงการเข้าถึงสิทธิทางสาธารณสุข อัตราการจ้างงาน ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครัวเรือน เป็นต้น ผสมกับการเก็บข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ข้อมูลทางดาวเทียมระบุตำแหน่งต่างๆ ของแต่ละครัวเรือน เพื่อแสดงการเข้าถึงบริการของรัฐ และได้รับการเติมเต็มข้อมูลให้สมบูรณ์ด้วย Digital Footprint อันเกิดจากการใช้งานโซเชียลมีเดีย ด้วยการติดตั้งแอปพลิเคชั่นให้ประชาชนใช้งาน การเก็บข้อมูลจำนวนมากดังกล่าวถูกนำมาประมวลผล และจัดกลุ่มเพื่อให้ฝ่ายผู้กำหนดนโยบายสามารถนำมาวิเคราะห์ถึงปัญหา และวางแผนแก้ไขปัญหานั้นในระดับประเทศ หรือระดับภูมิภาคได้  นอกเหนือจากปัญหาเชิงเศรษฐกิจ และสังคมแล้ว การจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ยังใช้งานได้ดีในแง่ของการป้องกันภัยพิบัติจากธรรมชาติอีกด้วย เพราะมีการเก็บสถิติสภาพอากาศย้อนหลังจากดาวเทียมและส่วนอื่นๆ ที่สามารถพยากรณ์ได้อย่างแม่นยำว่าจะเกิดภัยธรรมชาติเช่นพายุ ขึ้นหรือไม่ ทำให้สามารถวางแผนรับมือ และบรรเทาภัยพิบัติได้ตรงจุด

การวิเคราะห์ความคิด ความชอบ หรือความพึงพอใจของประชากรทั้งหมด โดยการสุ่มตัวอย่างจากกลุ่มเป้าหมาย (Focus Group) และให้ทำแบบสอบถาม เป็นเครื่องมือที่ใช้กันมายาวนานเนื่องจากการเก็บข้อมูลทั้งหมด (Universal Sampling) เป็นไปได้ยาก ใช้เวลานาน และมีต้นทุนสูง ซึ่งต้องยอมรับว่าวิธีสุ่มตัวอย่างย่อมมีค่าผิดพลาดทางสถิติ เช่น ถ้าทำได้ดีอาจมีความผิดพลาดบวกลบน้อยกว่า 5%   อย่างไรก็ตาม การทำโพลจากกลุ่มตัวอย่าง เช่น การทำนายผลการเลือกตั้งล่วงหน้า กำลังถูก Disrupt กลายเป็นของล้าสมัย เนื่องจากการใช้เทคโนโลยีการจัดการข้อมูลใหญ่ ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้จำนวนมากเกือบเท่าจำนวนประชากรทั้งหมด เช่น การใช้ Social Listening วิเคราะห์ฐานข้อมูลของสื่อสังคมออนไลน์ ควบคู่กับการค้นหาข้อมูลการพูดถึงผู้สมัครใน Google จะให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ รวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า

แม้ว่ายุคของข้อมูลขนาดใหญ่จะได้เริ่มต้นขึ้นแล้วแต่ก็ยังเป็นเพียงระยะแรก การพัฒนา Internet of Thing ทำให้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีปริมาณข้อมูลเพิ่มขึ้นมหาศาล การหาคุณค่าของข้อมูลโดยการใช้เทคโนโลยีการจัดการข้อมูลใหญ่ (Bigdata) ทำให้การแสวงหาคุณค่าของทุกสรรพสิ่งไม่ใช้เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป มนุษย์เข้าใจได้ดีขึ้นว่าธรรมชาติไม่สร้างอะไรที่เป็นส่วนเกิน ซึ่งจะนำไปสู่การสรรสร้างประโยชน์ให้เกิดคุณค่ามากกว่าคุณค่าที่มีอยู่เดิม ลดการเลือกปฏิบัติ และลดความผิดพลาดจากการใช้ดุลยพินิจที่เกิดจากการมีข้อมูลไม่ครบถ้วนเช่นในอดีต

ฐานเศรษฐกิจ Online, 2563. “Bigdata กับการแสวงหาคุณค่าของสรรพสิ่ง", 9 สิงหาคม 2563.

HR Society Magazine, ‘Big Data กับการแสวงหาคุณค่าของสรรพสิ่ง, ธรรมนิติ.Vol. 18, No 214, หน้า 20 - 23, ตุลาคม 2563

Tag:
No items found.
Share this post:
ดร.ณัฐวุฒิ พงศ์สิริ

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024