>
มัดใจ Talent ด้วยหมัดเด็ดจากการพัฒนา
April 4, 2022

มัดใจ Talent ด้วยหมัดเด็ดจากการพัฒนา

ตั้งแต่สภาพการจ้างงานในตลาดแรงงานได้รับการเปลี่ยนแปลงไปหลังจากวิกฤติโควิดที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ The Great Resignation ในสหรัฐอเมริกา และกระแสการลาออกนี้ก็กระจายไปยังประเทศอื่น ๆ ตามไปด้วย ทำให้องค์กรต้องได้รับความกดดันทั้งจากการที่คนเข้าใหม่มาแล้วลาออกไป รวมไปถึงพนักงานในระดับหัวกะทิที่เริ่มออกไปจากองค์กรเพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดปัญหาทั้งในแง่ของกำลังพลที่ลดลง และปัญหาในแง่ของทักษะต่าง ๆ ที่ไม่สามารถส่งต่อได้ทันอันมีผลกระทบต่อประสิทธิภาพของการดำเนินงานขององค์กร

ซึ่งในส่วนของ The Great Resignation ในประเทศไทย Michael Page ที่เป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญเรื่องการสรรหาผู้คน ได้ทำการสำรวจคนทำงานในประเทศไทยพบว่า 81% ของผู้ตอบแบบสำรวจ กำลังมองหางานใหม่ภายใน 6 เดือนข้างหน้า ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเจาะเข้าไปดูกลุ่มคน 81% นั้น ว่าระดับตำแหน่งใดที่มีระดับมากที่สุดพบว่า ระดับของผู้จัดการเป็นอันดับที่หนึ่งถึง 86% เลยทีเดียว โดยในกลุ่มที่อยากจะเปลี่ยนงานนี้ ถ้าจะเจาะไปที่แรงจูงใจในการย้ายงานของพวกเขาพบว่าอันดับหนึ่ง คือ 86% อยากจะหาโอกาสในการได้ทำงานใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นบทบาทใหม่ หรืออุตสาหกรรมใหม่ ตามมาด้วยอันดับที่สอง 35% คือการมองหาความก้าวหน้าในอาชีพของตนเอง และอันดับสาม 27% จึงจะเป็นเรื่องของการไม่พึงพอใจกับค่าตอบแทนที่ได้รับ ซึ่งประเด็นนี้สอดคล้องกับการศึกษาจาก The Execu|Search Group ที่ระบุว่า 86% ของผู้ที่ทำงานในลักษณะงานอาชีพ (Professional) จะพิจารณาการย้ายงานถ้าหากที่ทำงานเดิมไม่ให้โอกาสพวกเขาในการพัฒนา นอกจากนี้แล้วในงานวิจัยของ Deloitte พบว่าองค์กรที่มีความเข้มแข็งในเรื่องการเรียนรู้ นอกจากจะสร้างการพัฒนาในเชิง Productivity แล้ว ยังส่งผลต่อระดับ Engagement และ Retention Rate สูงขึ้นกว่า 30% อีกด้วย

จากสถิติต่าง ๆ ที่กล่าวมา การสร้างการพัฒนาให้กับกลุ่มผู้มีความสามารถ (Talent) ในองค์กรก็ดูจะเป็นหนทางที่ดี ซึ่งก็มีตัวอย่างจากองค์กรเช่น ING ที่เป็นหนึ่งในผู้นำของสถาบันการเงินระดับโลก ก็เป็นองค์กรหนึ่งที่เน้นการพัฒนาเส้นทางอาชีพให้กับพนักงาน เพื่อเป็นการจูงใจและรักษากลุ่ม Talent โดยมีโปรแกรมที่ชื่อว่า “Short-Term Assignment” ที่เปิดโอกาสให้พนักงานสามารถขอย้ายไปปฎิบัติหน้าที่ในต่างแผนก หรือต่างประเทศได้ในระยะเวลา 3-6 เดือน โดยมีการทำ IDP หรือ Individual Development Plan เพื่อเป็นการติดตามว่าพนักงานจะได้ทักษะอะไรเพิ่มเติมบ้าง และจะสามารถนำกลับมาใช้กับหน่วยงานต้นสังกัดของตนอย่างไรได้บ้าง ซึ่งโปรแกรมนี้ได้รับการตอบรับจากกลุ่ม Talent ขององค์กรเป็นอย่างดี

แล้วองค์กรที่ไม่ได้อาจจะไม่ได้มีพื้นที่ให้พนักงานย้ายไปรับประสบการณ์ใหม่ ๆ แบบที่องค์กรยักษ์ใหญ่มี ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถสร้างแรงจูงใจด้วยการพัฒนาได้ โดยบทความนี้จะขอพาทุกท่านไปหาไอเดียในการสร้างเส้นทางในการพัฒนาหรือ Learning Journey ด้วย 3 ไอเดียเพื่อเป็นหมัดเด็ดในการสร้างแรงจูงใจต่อความผูกพันธ์ต่อองค์กร ดังนี้

ข้อที่หนึ่ง การสร้างการพัฒนาให้ต่อเนื่อง และที่สำคัญคือไม่ต้องรอ – องค์กรส่วนใหญ่ที่คิดจะสร้างการพัฒนาให้พนักงานมักเลือกที่จะ “รอ” ให้พนักงานผ่านการทดลองงานก่อน จึงจะเริ่มกำหนดแผนการพัฒนาพนักงานอย่างจริงจัง หรือแม้กระทั่งการย้ายหน่วยงานภายในเอง ก็มักจะมีการสร้างแผนการพัฒนา หรือ IDP หลังจากการย้ายเสร็จสิ้นแล้ว นอกจากนี้แล้ว หากแผนการพัฒนายังมีลักษณะเป็นจุด ๆ เช่น มีการส่งเข้าอบรมในเดือน 1 และ 3 เดือนละ 1 วัน หรือมีการระบุวันอบรมเป็นครั้งคราวไป โดยไม่ได้สร้างความต่อเนื่องให้สัมพันธ์ชัดเจนกับการนำมาใช้ประโยชน์ ก็จะทำให้พนักงานไม่เห็นสิ่งที่เขาได้รับจากการพัฒนา อันจะทำให้การพัฒนาที่พยายามสร้างให้นั้นไม่ได้รับผลที่ดีอย่างที่ทีมบริหาร และหน่วยงานทรัพยากรมนุษย์ต้องการ ยกตัวอย่างเช่น Truckstop.com ที่เป็นบริษัทขนส่งในอเมริกา มีการสร้างโปรแกรมเพื่ออบรมพนักงานใหม่ โดยครอบคลุมถึงทักษะต่าง ๆ และเชื่อมโยงความต้องการของเขา และองค์กรเข้าด้วยกัน จนสรุปออกมาเป็น Action Plan ในการพัฒนาที่ชัดเจนให้กับพนักงาน ที่เห็นภาพตั้งแต่การเรียนอะไร เรียนไปเพื่ออะไร ไปจนถึงจะใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เรียนได้อย่างไรอีกด้วย

อีกทั้งการทำงานในหน้างานจริงก็ยังสามารถกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาได้อย่างต่อเนื่องได้อีกด้วย โดยผ่านหัวหน้างานโดยตรงของพนักงานที่จะช่วยดูแล และฝึกฝนจากการทำงานร่วมงาน โดยถ้าจะให้การเรียนรู้จากหัวหน้างานได้ผล ทาง HR สามารถที่จะสนับสนุนหัวหน้างานใน 5 เรื่อง เพื่อการเรียนรู้ที่ต่อเนื่องและตอบโจทย์ คือ

1. ช่วยหัวหน้างานในการตั้งโจทย์การเรียนรู้ – บ่อยครั้งที่การเรียนรู้มักจะมาจากทาง HR หรือฝ่ายฝึกอบรม ซึ่งส่งผลให้บางครั้งสิ่งที่เรียนรู้อาจจะไม่ได้เชื่อมโยงกับงานที่ทำเท่าที่ควร และส่งผลต่อแรงจูงใจในการเรียนรู้ได้

2. สร้างเป้าหมาย และวิธีการในการเรียนรู้ที่ชัดเจน – หลังจากกำหนดโจทย์แล้ว ทางหน่วยงาน HR ที่เชี่ยวชาญในการออกแบบกระบวนการเรียนรู้มากกว่าควรให้คำแนะนำว่าจะตอบโจทย์ได้ด้วยวิธีใด จะเลือกการพัฒนาแบบใดจึงจะเหมาะสม

3. กำหนดบทบาทของผู้จัดการให้ชัดเจน – ด้วยการที่หัวหน้างานก็มีความสามารถในการสอนงานหรือการถ่ายทอดความรู้ความสามารถที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคล การที่ทาง HR ช่วยในการกำหนดบทบาทที่ชัดเจนให้กับหัวหน้างานในการพัฒนา จะทำให้สามารถการันตีได้ว่า อย่างน้อยที่สุดหัวหน้างานจะดำเนินการสอนงานพนักงานอย่างไรบ้าง แม้การพัฒนาผู้คนอาจจะไม่ใช่จุดเด่นของหัวหน้างานท่านนั้น

4. ช่วยหัวหน้างานในการเปลี่ยนความรู้ให้เป็นตัวงาน – HR สามารถเป็นผู้ช่วยหัวหน้างานในการช่วยเตือนให้ไม่ลืมที่จะออกแบบหรือหาวิธีในการทดสอบ หรือผนวกสิ่งที่ได้เรียนรู้ให้เข้าไปอยู่ในตัวงาน ไม่ว่าจะเป็นทักษะในลักษณะ Soft Skill หรือ Hard Skill ก็ตาม เพื่อที่จะสร้างประโยชน์ให้เห็นชัดเจน รวมไปถึงเห็นพัฒนาการในการเรียนรู้ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

5. เก็บ Feedback – การพัฒนาเป็นขั้นตอนที่ทำต่อเนื่องไม่มีวันจบ จึงต้องมีการพัฒนาขึ้นไปเรื่อย ๆ ดังนั้น ถ้าจะให้เกิดการพัฒนา HR ควรที่จะถามไถ่และเก็บข้อมูลเพื่อจากหัวหน้างาน รวมไปถึงให้คำแนะนำในการพัฒนาอีกด้วย เพื่อให้ตัวหัวหน้างานเองก็ได้รับการพัฒนาเช่นเดียวกัน

ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นกับความต่อเนื่องที่จะดำเนินการในการพัฒนา และให้พนักงานได้เห็นความก้าวหน้าในการพัฒนาจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้พนักงานรู้สึกได้รับการดูแล และเพิ่มแรงจูงใจในการทำงานร่วมกับบริษัทได้อีกด้วย

ข้อที่สอง สร้างการเรียนรู้ให้เป็นวัฒนธรรมที่ “จริงจัง” - การที่การเรียนรู้ถูกสร้างให้เป็นวัฒนธรรมในการเรียนรู้ในระดับองค์กรจะช่วยให้พนักงานได้รู้สึกว่าตนเองและเพื่อน ๆ ในบริษัทนั้นจะได้รับการพัฒนา และยังสร้างความรู้สึกร่วมกันในเป็นเจ้าขององค์กร เป็นหนึ่งเดียวกับหน่วยงาน มีตัวอย่างอย่างที่ Udemy มีวัฒนธรรมในการเรียนรู้ที่น่าสนใจเรียกว่า DEAL ซึ่งย่อมาจาก Drop Everything and Learn โดยจะเป็นการที่ทุก ๆ เดือน ในวันพุธ เวลาบ่ายสามโมง ทุกๆคนจะต้องหยุดสิ่งที่ทำอยู่ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม เพื่อที่จะเข้าเรียนออนไลน์พร้อมกันในหัวข้อที่แต่ละคนสนใจ ซึ่งการทำเช่นนี้ นอกจากจะสร้างความสนุกในการเรียนรู้ ยังสะท้อนให้เห็นความเอาจริงขององค์กรที่ต้องการให้พนักงานเรียนรู้ทักษะต่างๆเพื่อพัฒนาอาชีพของตนเองเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งแนวคิดอาจจะทำได้ยากสำหรับบางองค์กร ในองค์กรของคุณอาจจะเริ่มต้นจากการทำชมรมนักอ่านหนังสือ หรือการทำไลฟ์ชวนคุยเกี่ยวกับความรู้และการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ให้พนักงานรู้สึกได้ว่าใคร ๆ ก็เรียนรู้ได้

ยิ่งไปกว่านั้นการที่เป็นวัฒนธรรมที่ทำให้ทุกคนเรียนรู้ด้วยตนเอง ก็สร้างความรู้สึกได้รับอำนาจจากองค์กรในการเรียนรู้สิ่งต่างๆเพิ่มเติม ซึ่งสะท้อนถึงการได้รับการดูแลจากองค์กรในแง่การสนับสนุนการพัฒนาของพวกเขาอีกด้วย อย่างไรก็ดีอย่าลืมหาวิธีการในการติดตามเพื่อให้มีความสม่ำเสมอและส่งเสริมให้เป็นวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็งต่อไป

ข้อสุดท้าย สร้างการเรียนรู้ให้เป็นการเดินทางสนุก ๆ ที่ “อัพเลเวล”ประสบการณ์ -  การเรียนรู้ที่จะมัดใจพนักงานได้ จะต้องเป็นการเรียนรู้ที่สร้างประสบการณ์ที่สนุกและได้ประโยชน์ สิ่งหนึ่งที่อาจจะนำมาประยุกต์ในการออกแบบการเดินทางสู่การเรียนรู้อาจจะนำ Learning Journey Map ที่คำนึงถึงเรื่องอารมณ์ที่พนักงานได้รับ และระดับการเรียนรู้ที่พนักงานได้รับ มาสร้างการเดินทางที่น่าสนใจ โดยหากในช่วงการเรียนรู้นั้น พนักงานต้องได้พบกับความยากลำบากจนท้อใจ ก็ต้องมีจุดพักยก เพื่อเติมไฟให้กับพนักงาน หรือถ้าเป็นช่วงการเรียนรู้ที่พนักงานกำลังสนใจ ก็สามารถที่จะให้เนื้อหา และการเรียนรู้ที่หนักขึ้นหน่อยในช่วงนั้น

ซึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นการออกแบบการเรียนรู้ที่ไม่ได้สนใจแต่เพียงเนื้อหาอย่างเดียว หากแต่สนใจกับอารมณ์ความรู้สึกของผู้เรียนด้วย ซึ่งจะส่งผลให้คนเรียนยังได้เรียนรู้เกาะติดไปได้เรื่อยๆ เหมือนได้เดินทางรับประสบการณ์ใหม่ๆไปพร้อมกับได้เรียนรู้สิ่งใหม่ไปด้วยนั่นเอง โดยการออกแบบที่ว่านี้ เราควรจะพิจารณาทั้งในแง่มุมชนิดและวิธีของการเรียนรู้ / ความถี่ในการเรียนรู้ / ปริมาณเนื้อหาที่ได้เรียนรู้ / สื่อและเนื้อหาที่ได้เรียนรู้ ตลอดจนการสร้างแรงจูงใจอย่างการทำ Gamification หรือการสร้าง Community of Practice ก็ล้วนแล้วแต่สร้างประสบการณ์การเรียนรู้ได้ทั้งนั้น โดยที่สำคัญคือต้องผสมผสานให้ตอบโจทย์ทั้งเป้าหมาย และสอดรับกับอารมณ์ความรู้สึกที่จะเกิดขึ้นของผู้เรียนในแต่ละช่วงของการเรียนรู้

สุดท้ายการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้เรียนแม้จะไม่ใช่ยาวิเศษที่จะรักษาจูงใจทุก ๆ คนให้อยู่กับองค์กรได้ แต่ก็เป็นหนึ่งในรากฐานที่ดีที่องค์กรจะสามารถปลูกฝัง และเกิดการถ่ายทอด ถ่ายเทกันในเรื่องของความรู้และความสามารถ อันจะทำให้ความรู้และความสามารถนั้นยังคงอยู่ในองค์กร และเจริญเติบโตไปได้ พร้อมกับทักษะของคนในองค์กรที่เพิ่มขึ้น และประสิทธิภาพในการทำงานโดยภาพรวมขององค์กร

Ref.

https://hbr.org/2021/11/the-best-way-to-master-a-new-skill-try-this-creative-approach

https://hbr.org/2022/04/3-ways-to-boost-retention-through-professional-development

https://hbr.org/2022/04/6-strategies-to-upskill-your-workforce

https://www2.deloitte.com/us/en/insights/deloitte-review/issue-16/employee-engagement-strategies.html

https://hbr.org/2022/03/effective-employee-development-starts-with-managers

Tag:
No items found.
Share this post:
วัฒนศักดิ์ วิบูลย์ชัยกุล

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024