>
Employee Experience Matters
April 2, 2022

Employee Experience Matters

องค์กรต้องปรับตัวอย่างไร เมื่อการดึงดูดและรักษา “พนักงาน” ยากยิ่งกว่าลูกค้า

ในเดือนเมษายนปี 2021 ที่ผ่านมา ชาวอเมริกันกว่า 4 ล้านคนลาออกจากงาน เพื่อมองหางานใหม่กับนายจ้างที่มีความรับผิดชอบ ใส่ใจ และมีความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันในช่วงวิกฤตมากขึ้น นอกจากนี้ จากการสำรวจพนักงานในช่วงวัย Millenial ใน 46 ประเทศ กว่า 21,000 คน โดยบริษัทที่ปรึกษา Deloitte ก็พบว่า พนักงานในเจเนอเรชั่น Z กว่า 53% บอกว่า ถ้ามีโอกาสก็จะเปลี่ยนงาน  และกว่า 46% รู้สึกเครียดอยู่ตลอดเวลา และองค์กรไม่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ

พนักงานอายุน้อยช่วยให้องค์กรปรับตัวได้ไว

นอกจากความจริงที่ว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าคนกลุ่มนี้จะกลายมาเป็นผู้จัดการและผู้บริหารแทนที่คนกลุ่มปัจจุบันนั้น ก็ต้องยอมรับอีกว่า ในยุคที่ทุกอย่างอยู่ในโลก Hybrid และต้องการการปรับตัวสูงและความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเข้ามาทำงานจากที่ไหนก็ได้บนโลกในแต่ละวัน กลุ่มคนอายุน้อยที่เป็น Digital Native นั้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญและอาวุธที่จะทำให้องค์กรปรับตัวได้ไว เราได้เห็นหลายองค์กรที่คนอายุน้อยเข้ามาโค้ชและสอนให้เพื่อนร่วมงานหรือแม้แต่ผู้บริหารอาวุโสใช้เทคโนโลยีและปรับตัวในการทำงานที่บ้านหรือใช้เครื่องมือใหม่ๆ ในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานบน Virtual Worksplace, Metaverse, Blockchain และอื่นๆ ที่มีมาให้เรียนรู้กันอยู่ตลอดเวลา

องค์กรจึงกำลังอยู่ท่ามกลางสงครามในการแย่งตัวพนักงานอายุน้อยที่ ‘มีความสามารถสูง’ และมีวิธีคิดและการทำงานที่เหมาะกับทิศทางใหม่ขององค์กร แต่ในทุกๆ 5 คน จะมีพนักงานอายุน้อย 1 คนที่เจอประสบการณ์อันเลวร้ายในที่ทำงาน รู้สึกถูกเหยียดจากสังคมในที่ทำงานด้วยพื้นเพ (Personal Background) ที่แตกต่างกัน ทั้งทางธุรกิจ สังคมในที่ทำงาน และสถาบันการศึกษาที่จบมา และพนักงานเพศหญิงพบปัญหาเหล่านี้มากกว่าพนักงานชาย ทำให้เกิดประสบการณ์เชิงลบและคำว่า Toxic Workplace ออกมาให้เห็นกันอยู่เป็นประจำแทบทุกวัน

ทำอย่างไรไม่ให้องค์กรกลายเป็น Toxic Workplace?

McKinsey แบ่งประสบการณ์ของพนักงานออกเป็น 3 ด้าน ได้แก่

1. ด้านสังคมในที่ทำงาน (Social Experience) ประสบการณ์ที่ได้รับการจากสังคมในที่ทำงาน ทั้งจากหัวหน้า เพื่อนร่วมงาน ความรู้สึกใกล้ชิดเป็นส่วนหนึ่ง และสังคมที่ช่วยให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาร่วมกัน

2. ด้านเนื้องาน (Work Experience) ความพึงพอใจในตัวงาน บทบาทหน้าที่ อำนาจในการบริหารจัดการงานของตัวเอง การเติบโตก้าวหน้า และสิ่งตอบแทนที่ได้รับจากการทำงาน

3. ด้านตัวองค์กร (Organization Experience) มุมมองและสิ่งที่ได้รับจากตัวองค์กร ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายขององค์กรที่ตรงกับเป้าหมายส่วนบุคคล ความสามารถทางเทคโนโลยีที่องค์กรมีให้พนักงาน รวมถึง Digital Experience และสภาพแวดล้อมในการทำงานที่สะดวก สะอาด ปลอดภัย ซึ่งในปัจจุบันยังรวมถึง Virtual Workspace และในอนาคตอาจเป็นสถานที่ทำงานที่ตั้งอยู่บน Metaverse ด้วย

46% ของชาว Millenials รู้สึกว่า องค์กรมีการจ่ายค่าตอบแทนไม่เป็นธรรม และกำหนดนโยบายที่เอื้อประโยชน์ส่วนตัวของผู้บริหาร ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่ผู้บริหารและองค์กรจะต้องมีการสื่อสารที่โปร่งใส และชี้ให้เห็นความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่พนักงานรุ่นใหม่กำลังให้ความสนใจและเป็นกังวลว่าองค์กรของตนเองกำลังให้ความสำคัญกับเงินโดยไม่สนใจว่ากำลังทำลายสังคมและสิ่งแวดล้อม

ผลการสำรวจนี้ยังตรงกับในรายงานเรื่อง Employee Experience: The Definitive Guide ของ Josh Besin Research ได้ค้นพบปัจจัยที่สำคัญต่อการสร้างประสบการณ์ที่ดีที่น่าประทับใจให้กับพนักงานไว้ 4 อย่างที่มีผลอย่างแรงกับความรู้สึก ได้แก่

1. Inclusive, Diverse, and Sense of Belonging and Community ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคมในที่ทำงานที่เคารพในความแตกต่างหลากหลาย และได้เป็นตัวเอง

2. Mission and Purpose beyond Financial Goals เป้าหมายและวัตถุประสงค์ขององค์กรที่มากกว่าเรื่องยอดขายหรือกำไร

3. Transparency, Empathy, and Integrity of Leadership ความโปร่งใสและใส่ใจพนักงานของผู้บริหารองค์กร

4. Continuous Investment in People การให้ความสำคัญกับพนักงานและเชื่อว่าพนักงานเป็นบุคคลที่สำคัญที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จพอ ๆ กับลูกค้า หรือผู้ถือหุ้น

พนักงานที่ได้รับประสบการณ์ที่ดีจากองค์กร สร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้มากกว่า 2.4 เท่า

พนักงานที่อยู่ในองค์กรที่มีสภาพแวดล้อมเชิงบวกนั้น ส่งผลให้ส่งมอบประสบการณ์ที่ดีไปยังลูกค้ามากกว่าถึง 2.4 เท่า และมีโอกาสบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจมากกว่าถึง 2.2 เท่า รวมถึงมีโอกาสเป็นหนึ่งในที่ทำงานที่พนักงานยกให้เป็นสุดยอดนายจ้างมากกว่าที่อื่นถึง 5.2 เท่า ซึ่งทำให้มีความสามารถในการรักษาพนักงานไว้กับองค์กรได้มากกว่าถึง 5.1 เท่า และสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้มากกว่าองค์กรอื่น ๆ ถึง 3.7 เท่าเลยทีเดียว

แล้วอะไรคือสิ่งที่จะทำให้พนักงานประทับใจ?

การจะสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับพนักงานได้นั้น ต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจสิ่งที่สำคัญ (What Really Matters) สำหรับพนักงานจริงๆ และช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับพนักงาน (Moment that Matters) หากเปรียบเป็นพ่อแม่ ช่วงเวลาที่สำคัญก็คือช่วงที่ลูกพูดได้ครั้งแรก หรือเรียนจบปริญญานั่นเอง ที่เป็นเสมือนช่วงเวลาที่จะจดจำไปตลอดชีวิต

การที่องค์กร ฝ่ายบุคคล หรือหัวหน้างานจะเข้าใจสิ่งเหล่านี้ต้องใช้การสังเกตและการใช้ข้อมูล เหมือนเวลาที่ธุรกิจพยายามทำความเข้าใจลูกค้า จากนั้นนำข้อมูลและ Insights มาออกแบบองค์กรและปรับตัวอยู่เสมอ เพราะพฤติกรรมและความต้องการของมนุษย์มีวิวัฒนาการอยู่ตลอดเวลา ปรับรูปแบบเครื่องมือและการสนับสนุนการทำงานต่างๆ ให้เป็น Pull Approach หรือการมีไว้ “เพื่อใช้” ตอบสนองความต้องการทุกรูปแบบของงาน มากกว่าการมี “เผื่อใช้”

ปรับวิธีดูแลพนักงานแบบเหมารวม (Conformity) ให้เป็นแบบเฉพาะบุคคล (Hyper Personalization) ให้พนักงานได้เป็นตัวของตัวเอง ให้อิสระในการออกแบบการทำงานในแบบที่ถนัด ได้รับการตอบแทนและเป็นส่วนหนึ่งในแบบที่พิเศษเฉพาะตัว แต่ยังรักษาคุณภาพมาตรฐานขององค์กรเอาไว้เหมือนดังทีมฟุตบอล

พนักงานคนพิเศษ ย่อมมองหาประสบการณ์ “ที่ไม่ธรรมดา”

พนักงานที่่เป็นดาวเด่นขององค์กร ก็เหมือนศิลปินในสังกัด หรือนักกีฬาคนเก่งที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ส่วนหนึ่งเพื่อตอบแทนในความสามารถ และก็เพื่อสร้างวัฒนธรรมในการยกย่องชมเชยคนจากความสามารถ ผู้ที่ทำผลงานได้พิเศษก็ต้องย่อมได้รับการตอบแทนที่พิเศษเป็นรางวัลเช่นกัน แต่ “ประสบการณ์” ไม่ใช่เพียงแค่การตอบแทนในวันที่ประสบความสำเร็จหรือเมื่อได้รับชัยชนะเท่านั้น

คนเก่งคนดี ย่อมมีตัวเลือกของนายจ้างมากกว่าคนอื่น ดังนั้น คำว่า “ประสบการณ์ที่ดี” อาจเป็นความทรงจำ ความรู้สึก หรือความประทับใจที่เริ่มตั้งแต่การที่คน ๆ หนึ่งอาจจะไม่เข้าร่วมงานกับบริษัทด้วยซ้ำ แต่เกิดความประทับใจในพนักงาน เครื่องมือ ระบบ หรือสินค้าและบริการขององค์กร และเมื่อได้เข้ามาร่วมงาน ก็เกิดความประทับใจในหลายๆ ช่วงเวลาที่สำคัญในชีวิตการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการสัมภาษณ์งาน ช่วงการต่อรองเงื่อนไขในการจ้างงานกับฝ่ายบุคคล การต้อนรับในวันแรกของการทำงาน หรือการได้เลื่อนตำแหน่ง หรือมีผลงานชิ้นสำคัญที่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งวันสุดท้ายที่อยู่กับองค์กร

การจะสร้างประสบการณ์ที่ดีได้ ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกคนในองค์กรที่ต้องช่วยกันทำให้เกิดประสบการณ์และความประทับใจดี ๆ ร่วมกันในทุกมิติ โดยเริ่มจาก Mindset ที่ว่า “ประสบการณ์ที่ดี” ไม่ใช่เป็นเพียงโครงการหรือกิจกรรมของฝ่ายบุคคล (HR Project) แต่ต้องอยู่ในชีวิตประจำวันของทุกคนที่อยู่ร่วมกันทั้งในด้านสังคม ตัวงาน และองค์กร เพื่อสร้าง Holistic Experience ที่ไม่อาจแยกจากกันได้ทั้งแต่ Day 0

อ้างอิง

> https://www.mckinsey.com/business-functions/people-and-organizational-performance/our-insights/this-time-its-personal-shaping-the-new-possible-through-employee-experience

> https://joshbersin.com/2021/07/secrets-to-employee-experience-the-definitive-guide-launches-today/

> https://www2.deloitte.com/content/dam/Deloitte/global/Documents/2021-deloitte-global-millennial-survey-report.pdf

Tag:
No items found.
Share this post:
วสุธร หาญนภาชีวิน

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024