>
เพิ่มประสิทธิภาพให้กับการดูแล Employee Wellbeing ด้วย HR Tech
June 22, 2023

เพิ่มประสิทธิภาพให้กับการดูแล Employee Wellbeing ด้วย HR Tech

สมัยก่อนเมื่อหลายสิบปีก่อน เมื่อเราพูดถึงการดูแลพนักงาน พี่ๆที่อาวุโสหน่อยอาจจะคิดถึงการที่มีองค์กรมั่นคงให้ผลตอบแทนได้ดี จ่ายเงินเดือนค่าตอบแทนต่าง ๆ ได้สมน้ำสมเนื้อและตรงเวลา ส่วนถ้าถัดมาอีกหน่อย การดูแลอาจจะเริ่มนึกถึงการมีสวัสดิการรักษาพยาบาลให้กับตัวพนักงาน การมีสวัสดิการที่ดูแลครอบคลุมไปถึงครอบครัว เช่นค่ารักษาพยาบาลครอบครัว สวัสดิการการแต่งงาน หรือรวมไปถึงการศึกษาของบุตรหลาน และถ้าพูดถึงเรื่องการดูแลพนักงานในเวลาประมาณช่วงก่อนโควิด เราก็อาจจะเริ่มนึกถึงการจัดสวัสดิการที่ครอบคลุมในแต่ละช่วงวัย การมี Flexible Benefit หรือสวัสดิการแบบยืดหยุ่น และถ้าหากถามในยุคปัจจุบันหลังโควิด ก็จะยิ่งมีความหลากหลายเพิ่มขึ้นไปอีก คำถามที่สำคัญก็คือ แล้วจริงๆแล้วการดูแล Employee wellbeing จะต้องครอบคลุม และเกี่ยวข้องกับเรื่องอะไร มุมใดบ้างกันแน่

ถ้าเราไปดูจากผลวิจัยของ Gallup ที่เป็นบริษัทที่ปรึกษาเรื่องการดูแลความผูกพันของพนักงานระดับโลกได้ระบุไว้ว่าการที่จะดูแล Employee wellbeing จะต้องดูแลทั้งสุขภาพทางจิตใจ อารมณ์ และสุขภาพกายของพนักงาน โดยสามารถแยกออกมาได้เป็น 5 ด้าน ดังนี้

Career Wellbeing สุขภาวะด้านการงาน การที่ทำให้พนักงานรู้สึกมีความสุขในเวลาที่พวกเขาต้องทำงาน

Social Wellbeing สุขภาวะด้านสังคม คือการที่พนักงานสามารถมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อร่วมงาน และสามารถรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลอื่นๆรอบข้างเช่นครอบครัว เพื่อน ได้อีกด้วย

Financial Wellbeing สุขภาวะด้านการเงิน คือการที่พนักงานสามารถที่จะจัดการเรื่องของการเงินส่วนบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Physical Wellbeing สุขภาวะด้านร่างกาย คือการที่มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ

Community Wellbeing สุขภาวะด้านสังคม คือการมีสังคมที่ดีมีความรู้สึกของความผูกพันและเป็นเจ้าของ (Sense of Belonging) จะทำให้พนักงานแต่ละคนรู้สึกมีความสุขมีสุขภาวะที่ดี

ซึ่งแม้จะมีประเด็นหลายด้านที่ต้องดูแลนั้น แต่หลังจากวิกฤติโควิด-19 องค์กรจำนวนมากก็ได้ทุ่มเทงบประมาณเข้ามาเพื่อดูแล Wellbeing ของพนักงานในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เราสามารถเห็นได้จากผลสำรวจของ Gartner ในปี 2020 พบว่าแม้จะมีองค์กรจำนวนมากที่มีการตัดงบประมาณภายในองค์กรลง เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในช่วงวิกฤตโควิด-19 แต่งบประมาณด้าน Wellbeing กลับเพิ่มขึ้น 46% เมื่อเทียบกับปี 2019 และยิ่งไปกว่านั้น หากเจาะไปดูว่ามีงบประมาณที่เพิ่มให้กับการสนับสนุน Wellbeing ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น จะพบว่าในปี 2020 มีงบประมาณที่เป็นเรื่องใหม่ๆเหล่านี้เพิ่มขึ้นถึง 64% เลยทีเดียว

อย่างไรก็ดีแม้จะมีการทุ่มงบประมาณลงไปเป็นจำนวนมากขนาดนี้ แต่ถ้าหากมาพิจารณาด้านประสิทธิภาพ กลับเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม ผลวิจัยจาก Gartner ในปี 2021 พบว่า องค์กรมีการจัดสวัสดิการด้าน Physical ด้าน Financial และด้าน Emotional/Mental มากถึง 80% 67% และ 87% ตามลำดับซึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูงทีเดียว แต่ทว่าจำนวนตัวเลขที่พนักงานใช้กลับมีจำนวนเพียง 32% 25% และ 23% ตามลำดับเพียงเท่านั้น

แล้วอะไรคือปัญหาที่ทำให้พนักงานไม่สามารถใช้ประโยชน์จากสวัสดิการได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยดังผลสำรวจดังกล่าว จริง ๆ แล้วมีหลายปัญหาที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. สวัสดิการไม่ครอบคลุม หรือไม่ตอบโจทย์พนักงาน บ่อยครั้งที่องค์กรจัดสรรสวัสดิการ จะเป็นการจัดพนักงานเป็นกลุ่ม ๆ แล้วจึงจัดสรรสวัสดิการให้ตามกลุ่มนั้น ๆ ซึ่งถ้าเป็นเมื่อสัก 15 ปีที่แล้ววิธีนี้ก็เป็นที่นิยมมาก คล้ายๆกับตอนที่ Marketing Segmentation กำลังดัง แต่ในปัจจุบัน เป็นโลกแห่ง Personalization ที่ทุกๆคนก็ต่างมีความต้องการที่แตกต่างกัน ฉะนั้นหากจะจัดสวัสดิการเป็นกลุ่มๆแบบเดิมก็ไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป

2. พนักงานไม่มีความเข้าใจในการใช้สวัสดิการ และไม่ทราบว่าบริษัทมีสวัสดิการอะไรให้บ้าง ข้อนี้อ่านเผินๆอาจจะฟังดูเป็นเรื่องน่าตลกขบขัน แต่เชื่อไหมครับว่า Gartner ได้เคยทำการสำรวจเกี่ยวกับสวัสดิการพนักงานว่าองค์กรมีสวัสดิการด้านการดูแลจิตใจ (Mental) พบว่าองค์กรในกลุ่มตัวอย่าง 96% มีการจัดเตรียมสวัสดิการนี้ให้แก่พนักงาน แต่พอเจาะไปที่พนักงานกลับพบว่า 42% ของพนักงานที่สำรวจ ไม่ทราบว่าตนเองมีสวัสดิการเหล่านั้น ซึ่งการที่ไม่ทราบนี้เองก็ส่งผลให้การใช้สวัสดิการของพนักงานไม่มากเท่าที่องค์กรตั้งเป้าหมายไว้

3. พนักงานยังไม่ทราบตัวเองว่า จริง ๆ แล้วตนเองจำเป็นต้องใช้สวัสดิการนั้น – ส่วนใหญ่สวัสดิการข้อนี้มักจะเป็นสวัสดิการด้านสุขภาวะจิตได้แล้ว ซึ่งแม้องค์กรจำนวนมากจะเริ่มมีการให้บริการสวัสดิการประเภทดูแลสุขภาพจิตบ้างแล้ว แต่บางครั้งก็เป็นภาวะเครียดที่พนักงานไม่รู้ตัว มีรายงานชื่อ State of the Global Workplace ของ Gallup ได้มีการระบุว่าพนักงานตามองค์กรต่างๆทั่วโลกกว่า 44% รู้สึกเครียดและวิตกกังวลในระดับมากในการใช้ชีวิตแต่ละวัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่โลกผ่านสภาวะโลกระบาดโควิด -19 มา

ฉะนั้น เพื่อที่จะเอาชนะปัญหาที่กล่าวมานี้ HR Tech เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่จะมีบทบาทและสามารถที่จะเข้ามามีบทบาทเติมเต็มช่องว่างของทั้งสามประเด็น ได้ใน 3 แง่มุม ดังนี้

1. เก็บและหาข้อมูล เกี่ยวกับ Wellbeing ได้อย่างแม่นยำ – เครื่องมือเทคโนโลยีในยุคปัจจุบันสามารถช่วยในการเก็บข้อมูลได้ในระดับรายบุคคล ไม่ว่าจะเป็น SMART Watch SMART Phone หรืออุปกรณ์อัจฉริยะอื่นๆซึ่งข้อมูลต่างๆเหล่านี้สามารถบ่งบอกวิธีการใช้ชีวิต และความเสี่ยงทางสุขภาพกาย และสุขภาพจิตของพนักงานแต่ละคนที่ได้เผชิญ โดยที่เราสามารถที่จะผูกติดข้อมูลเหล่านี้เข้ากับค่ากลางที่ควรจะเป็น โดยทีมงานทรัพยากรมนุษย์ที่ดูแลเรื่อง Wellbeing ของพนักงานสามารถติดตามและดูและ รวมไปถึงสามารถส่งสัญญาณเตือนพนักงานในระดับรายบุคคลเพื่อที่จะปรับปรุงพฤติกรรมให้พ้นจากภาวะเสี่ยงต่างๆได้

2. สามารถ Personalized Program ให้รายบุคคลได้ – การที่เรามีข้อมูลที่ละเอียดมากยิ่งขึ้นในลักษณะของรายบุคคล ทำให้การจัดสวัสดิการให้ในระดับรายบุคคล มีความเป็นไปได้ที่สูงมากขึ้น เราสามารถที่จะใช้ Data Analytic ผนวกไปกับ Machine Learning ในการที่จะสร้างโปรแกรม และแนะนำสวัสดิการที่พนักงานท่านนั้นควรต้องใช้ โดยผ่านการเตือนใน App หรือ Notification ในโทรศัพท์มือถือ ก็สามารถทำได้ โดยเราสามารถใช้การทำ Pulse Survey มาช่วยผสานด้วย ในเรื่องของอารมณ์ความรู้สึก หรือเป็นสุขภาวะด้านการเงิน เป็นการส่งสัญญาณให้กับทีมงานทรัพยากรมนุษย์ที่จะเข้ามาดูแลพนักงานได้อย่างทันท่วงที

3. สามารถสร้าง Community ให้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ - การใช้ HR Tech สามารถจัดกิจกรรม Online หรือกิจกรรมที่มีลักษณะเป็น Virtual ได้สะดวกขึ้นมาก จริง ๆ แล้วจะเห็นภาพมากจากพวกแอปสุขภาพ ตัวอย่างเช่น Nextcercise ที่สามารถจัดแคมเปญเข้าร่วมออนไลน์ได้ แต่ถ้าเป็นแอปพลิเคชั่นที่สร้างให้กับองค์กรโดยเฉพาะจะสามารถออกแบบให้พนักงานสามารถสร้างแคมเปญต่าง ๆ ของตนเองได้ และสามารถสร้าง Community ให้กับพนักงานให้มีกิจกรรมระหว่างกัน โดยที่ไม่จำเป็นต้องรอทางหน่วยงานทรัพยากรมนุษย์ต้องจัดกิจกรรมให้อีกต่อไป และการที่กิจกรรมถูกริเริ่มด้วยพนักงานด้วยกัน ก็จะยิ่งตอบโจทย์พนักงานแต่ละกลุ่มมากยิ่งขึ้นไปด้วย

นอกจากนี้แล้ว HR Tech ที่สามารถติดตามเก็บผลการเข้าร่วมกิจกรรม และข้อมูลทางด้านสุขภาพได้อย่างต่อเนื่องโดยทาง HR ยังสามารถที่จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปวิเคราะห์ ทำ Data Analytic เพื่อที่จะมองหาความเสี่ยง และออกแบบโครงการดูแล รวมไปถึงการพัฒนาให้ตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงสุขภาพกายใจของพนักงานที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาอีกด้วย

สุดท้ายนี้การดูแลพนักงานให้มี Wellbeing ที่ดี หลักสำคัญที่สุดคือต้องทำความเข้าใจพนักงาน โดยใช้ข้อมูลที่มีทั้งจากเทคโนโลยี และข้อมูลที่ HR มี และความเข้าใจนี้จะส่งผลให้หน่วยงานทรัพยากรมนุษย์สามารถดูแล ออกแบบ และจัดการดูแลพนักงานได้อย่างตอบโจทย์ ถูกใจทั้งพนักงาน ถูกใจทั้งองค์กร และสามารถสนับสนุนธุรกิจให้เดินหน้าไปสู่เป้าหมายได้อย่างที่องค์กรต้องการ

Reference

https://hbr.org/2022/03/supporting-the-well-being-of-your-underrepresented-employees

https://hbr.org/2021/10/how-to-get-employees-to-actually-participate-in-well-being-programs

https://hbr.org/2022/06/stressed-sad-and-anxious-a-snapshot-of-the-global-workforce

https://www.wtw-healthandbenefits.co.uk/hr-resources/advice-and-top-tips/top-5-ways-technology-can-boost-worker-wellbeing

Tag:
No items found.
Share this post:
วัฒนศักดิ์ วิบูลย์ชัยกุล

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024