>
องค์กรสุขภาพดี: แนวคิดในอดีต กับทางเลือกในอนาคตของตลาดแรงงาน เจเนอเรชั่น Z
July 24, 2023

องค์กรสุขภาพดี: แนวคิดในอดีต กับทางเลือกในอนาคตของตลาดแรงงาน เจเนอเรชั่น Z

นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สิ่งหนึ่งที่ถือเป็นปัจจัยสำคัญซึ่งช่วยกำหนดความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ และการบริหารองค์กร คือเรื่องของการบริหารจัดการคน (Man) ทั้งนี้เพราะองค์กรที่บริหารจัดการคนหรือบุคลากรในองค์กรได้ดี ย่อมนับได้ว่ามีแต้มต่อในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานในอนาคตกำลังถูกเข้ามาแทนที่ด้วยกลุ่มแรงงานที่เรียกว่า เจนเนอเรชั่น Z (Generation Z) ซึ่งคาดการณ์ว่าจะสร้างความท้าทายในการบริหารจัดการ อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงแล้วไม่จำเป็นที่องค์กรจะต้องเสาะหาแนวทางใหม่ๆเข้ามาบริหารจัดการบุคลากรเสมอไป หากแต่การนำเอาแนวคิดเก่าดั้งเดิมอย่าง องค์กรสุขภาพดี (Healthy Organization) มาประยุกต์ใช้ ก็สามารถสร้างความได้เปรียบในการบริหารจัดการกลุ่มแรงงานในอนาคตได้เช่นกัน

เจนเนอเรชั่น Z (Generation Z) กับตลาดแรงงาน

เจนเนอเรชั่น Z (Generation Z) หรือ Gen Z  หมายถึง กลุ่มเยาวชน หรือกลุ่มประชากรวัยหนุ่มสาว ซึ่งเกิดในช่วงกลางปี 1990s ไปจนถึงช่วงต้นปี 2010s โดยหากนับตามปีเกิด ถือว่าเป็นกลุ่มประชากรที่เดินตามหลังเจนเนอเรชั่นวาย (Generation Y) หรือ Millennial ที่ขณะนี้นับเป็นกลุ่มแรงงานใหญ่ที่สุดในตลาดแรงงาน หรือเรียกได้ว่าเป็นประชากรแรงงานหลักในปัจจุบัน ดังนั้นหากพิจารณาตามช่วงเวลา Gen Z ถือได้ว่าเป็นกลุ่มที่จะก้าวเข้ามาเป็นกำลังหลักในตลาดแรงงานในอนาคต อีกทั้ง Gen Z เองก็กำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในสังคมปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นด้านกลุ่มนักเรียนนักศึกษา กลุ่มผู้บริโภค ไปจนถึงกลุ่มประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง (Seemiller & Grace, 2018) อย่างไรก็ตาม Gen Z นั้นถือเป็นกลุ่มที่เกิดมาพร้อมกับการมีเทคโนโลยีดิจิทัลที่ก้าวหน้า และเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หมายความว่ากลุ่มประชากร Gen Z เติบโตมาพร้อมกับอุปกรณ์ที่เป็นจอสัมผัส (Touchscreen Device) และอุปกรณ์ประเภทสมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Smart Features) ซึ่งมักจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเสพติดสื่อดิจิทัล (Digital Media) (PANAGIOTOU et al., 2022) นอกจากนี้ประชากรในกลุ่ม Gen Z มักจะมีลักษณะนิสัยที่แตกต่างจากประชากรกลุ่มอื่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการมีความคิดสร้างสรรค์ และให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือ รวมไปถึงการสนใจในการมองไปยังอนาคตข้างหน้า มากกว่าให้ความสำคัญกับความสำเร็จในอดีต (Gentina, 2020)

ในปัจจุบันมีรายงานว่ามีประชากรที่เป็นกลุ่ม Gen Z อยู่ประมานสองพันล้านคนทั่วโลก หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 30 ของประชากรโลก (Weforum, 2021) ทั้งนี้สำหรับภาพรวมของตลาดแรงงาน Gen Z ยังถือได้ว่าเป็นกลุ่มแรงงานที่มีปริมาณน้อยในสัดส่วนร้อยละ 6 หากเทียบกับสัดส่วนของแรงงานในกลุ่มเจนเนอเรชั่นเบบี้บูมเมอร์ กลุ่มเจนเนอเรชั่นเอ็กซ์ และกลุ่มเจนเนอเรชั่นวาย ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 19, 36 และ 39 ตามลำดับ ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่าประชากรในกลุ่ม Gen Z จะเข้าสู่ตลาดแรงงานมากถึงร้อยละ 30 ภายในปี 2030 (JHU, 2023) อย่างไรก็ดีด้วยลักษณะและพฤติกรรมที่ค่อนข้างแตกต่างจากเจนเนอเรชั่นอื่น ไม่ว่าจะเป็นความสามารในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร การเปิดรับวัฒนธรรมที่แตกต่าง ทัศนคติในการทำงานแบบมีอิสระ ไปจนถึงความสามารถในการใช้เทคโนโลยี (Krungsri Guru, 2022) ส่งผลให้ Gen Z ถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่หลายองค์กรต้องเผชิญ และยากต่อการบริหารจัดการ รายงานจากบริษัท Yahoo Finance (2023) รายงานว่ากว่าร้อยละ 55 ของแรงงานกลุ่ม Gen Z มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนงาน หรือลาออกจากองค์กรเดิมภายใน 12 เดือน ซึ่งถือเป็นสถิติที่ค่อนข้างสูง ทั้งนี้การที่องค์กรจะสามารถดึงดูดและเก็บรักษาบุคลากรในกลุ่ม Gen Z ไว้กับองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ องค์กรจึงควรพิจารณาที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงาน ไปจนถึงการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร เพื่อให้มีความพร้อมตอบรับกับความต้องการอย่างแท้จริง เป็นเหตุให้หลายองค์กรพยายามสรรหาแนวทางที่แตกต่าง ในการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์เพื่อหวังว่าจะสามารถเอาชนะความท้าทายดังกล่าว อย่างไรก็ตามการจะบริหารจัดการแรงงานกลุ่ม Gen Z รวมไปถึงสามารถดึงดูดตลอดจนเก็บรักษาบุคลากรกลุ่มนี้ไว้ภายในองค์กรได้ ผู้บริหารจำเป็นจะต้องทำความเข้าใจกับคุณลักษณะและพฤติกรรมของบุคลากรในกลุ่ม Gen Z ให้เข้าในอย่างลึกซึ้งถึงธรรมชาติ ค่านิยม และทัศนคติก่อน ซึ่งถือเป็นแนวทางขั้นพื้นฐานในการบริหารจัดการกลุ่มบุคลากร Gen Z ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คุณลักษณะ และพฤติกรรมของ Generation Z

Generation Z ถือเป็นกลุ่มประชากรที่มีความแตกต่างจากประชากรกลุ่มอื่น อันเนื่องมาจากคุณลักษณะเฉพาะตัว และทัศนคติที่แตกต่างซึ่งได้รับมาจากอิทธิพลของยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นผลจากความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี และยุคของดิจิทัล (Digital Age) ที่เข้ามามีบทบาทตั้งแต่ก่อนกลุ่มประชากรนี้จะเกิด ดังนั้นแนวคิด ค่านิยม และทัศนคติเหล่านี้ส่งผลให้แรงงานในกลุ่ม Gen Z มีพฤติกรรมและให้คุณค่าในลักษณะการทำงานที่แตกต่างไปจาก Generation อื่น ซึ่งสามารถสรุปคุณลักษณะและพฤติกรรมในการทำงานของ Gen Z ได้ดังนี้

> ค่านิยม (Value) แรงงานในกลุ่ม Gen Z ให้คุณค่ากับสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากค่าตอบแทนในการปฏิบัติงาน เนื่องจากการหล่อหลอมของสภาพแวดล้อมทางสังคมที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้แรงงานในกลุ่ม Gen Z หันมาสนใจเรื่องของความหลากหลายภายในองค์กร (Diversity) การให้เกียรติกันของแต่ละบุคคล (Respect) (Seemiller & Grace, 2018) รวมไปถึงเรื่องของความเป็นธรรมทางสังคม (Social Justice) และความโปร่งใส่ (Transparency) อีกด้วย (Mejia and Pinto, 2021; Benítez-Márquez et al., 2022)

> เทคโนโลยีและดิจิทัล (Technology and Digital) เนื่องจาก Gen Z เป็นกลุ่มประชากรที่เกิดมาพร้อมกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ส่งผลให้พฤติกรรมในการทำงานนั้นให้ความสำคัญกับการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาปรับใช้ โดยเฉพาะเมื่อเทคโนโลยีเหล่านั้น สามารถช่วยให้งานของพวกเขามีประสิทธิภาพ และสำเร็จอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น (Janssen & Carradini, 2022; Benítez-Márquez et al., 2022)

> การสื่อสาร (Communication) นั่นคือการเปิดโอกาสและสร้างช่องทางระหว่างพนักงานและองค์กร เพื่อสนับสนุนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะด้วยเทคโนโลยี หรือวิธีการดั้งเดิมก็ตาม (Janssen & Carradini, 2021; Benítez-Márquez et al., 2022) นอกจากนี้ Gen Z ยังให้ความสำคัญกับการได้รับผลสะท้อนกลับ (Feedback) จากงานที่พวกเข้าปฏิบัติอีกด้วย (Burrell et al., 2022)

> ชีวิตส่วนตัว (Personal Life) แรงงานในกลุ่ม Gen Z ให้คุณค่ากับช่วงเวลาส่วนตัวนอกเหนือจากการปฏิบัติงานเป็นอย่างมาก พวกเขามองว่าการทำงานนั้นไม่ควรมีกฎระเบียบและเวลามาเป็นขอบเขต ดังนั้นจึงสนใจการทำงานที่มีลักษณะแบบยืดหยุ่น (Resilience) (Mejia and Pinto, 2021; Burrell et al., 2022; Benítez-Márquez et al., 2022; Daryanto and Santoso, 2022) และสามารถบริการจัดการงานของตนเองได้ (Flexible Work) นอกจากนี้ Gen Z ยังให้ความสำคัญกับการแบ่งเวลางานกับชีวิตส่วนตัว (Work-Life Balance) เพื่อให้สามารถใช้เวลาพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ด้วยเช่นกัน

> การพัฒนาตนเอง (Self-Development) คุณลักษณะของ Gen Z ให้ความสำคัญกับการพัฒนาตนเอง เพื่อตอบวัตถุประสงค์ของชีวิตเสมอ (Benítez-Márquez et al., 2022) ดังนั้นแรงงาน Gen Z จึงชอบที่จะได้รับโอกาสในการพัฒนาทักษะความรู้ใหม่ๆ รวมไปถึงการได้รับมอบหมายงานที่ได้ใช้ทักษะหลายอย่างพร้อมกัน (Multi-Tasking) เพื่อเป็นโอกาสในการพัฒนาความรู้ความสามารถ และเพื่อให้สามารถเติบโตในสายงานอาชีพได้ (Seemiller & Grace, 2018; Burrell et al., 2022)

> การให้ความสำคัญและรางวัล (Recognition and Rewards) แน่นอนว่าแรงงาน Gen Z จะไม่ทำงานเพื่อองค์กรเพียงอย่างเดียว แต่คาดหวังว่าองค์กรจะรับรู้ และให้คุณค่าความสำคัญกับพนักงานด้วย ไม่ว่าจะในแง่ของการเติบโต หรือค่าตอบแทนก็ตาม อย่างไรก็ตามพนักงาน Gen Z ก็ยังคงคาดหวังว่าการทำงานของพวกเขาจะต้องได้รับค่าตอบแทนที่สูง และสามารถแข่งขันในตลาดแรงงานได้ (Burrell et al., 2022; Benítez-Márquez et al., 2022)

> วัฒนธรรมองค์กรในเชิงบวก (Positive Corporate Culture) วัฒนธรรมองค์กรที่ดี ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่วางรากฐานการบริหารจัดการพนักงานในกลุ่ม Gen Z เนื่องจากพนักงานในกลุ่มนี้ไม่ได้สนใจกระบวนการและกฎระเบียบ แต่เน้นปฏิบัติงานที่บรรลุเป้าหมาย ดังนั้นองค์กรควรสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ตอบวัตถุประสงค์และความสำเร็จ ซึ่งควรจะสอดคล้องกับค่านิยมและคุณค่าที่พวกเขามี นอกจากนี้พนักงาน Gen Z ยังให้ความสำคัญกับการทำงานในองค์กรที่มีสภาพแวดล้อมช่วยเหลือสนับสนุนซึ่งกันและกัน (Social Support) ไปจนถึงสนับสนุนกระบวนการทำงานเป็นทีม (Teamwork) (Seemiller & Grace, 2018; Burrell et al., 2022; Benítez-Márquez et al., 2022)

โดยรวมแล้วจะเห็นว่าพฤติกรรมการทำงานของพนักงานในกลุ่มประชากร Gen Z จะมีความแตกต่างอย่างมีนัยยะจากเจนเนอเรชั่นก่อน เนื่องจากพวกเขาให้ความสำคัญกับชีวิตส่วนตัวไปพร้อมกับชีวิตการทำงาน นอกจากนี้พนักงาน Gen Z จะปฏิบัติงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หากพวกเขารับรู้ว่าองค์กรเห็นค่า และให้รางวัลตอบแทนอย่างเหมาะสม ดังนั้นผู้บริหารจึงไม่ควรมองพนักงานกลุ่มนี้เป็นแค่เพียง “แรงงาน” แต่ควรให้คุณค่าว่าเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า และปรับเปลี่ยนกระบวนการดำเนินงานขององค์กรใหม่ ตั้งแต่ระดับวัฒนธรรมไปจนถึงกฎระเบียบและแนวปฏิบัติ อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่าองค์กรมีความจำเป็นจะต้องสรรหาวิธีการใหม่เข้ามาบริหารจัดการพนักงาน Gen Z ที่จะเข้ามาเป็นแรงงานในอนาคตเสมอไป เพราะหากพิจารณาจากคุณลักษณะและพฤติกรรมของพนักงานกลุ่มนี้แล้ว เราสามารถนำเอาแนวคิดแบบเก่าที่เคยมีการพูดถึงในอดีตแล้วมาปรับใช้เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการบริหารจัดการแรงงานกลุ่มนี้ได้เช่นกัน นั้นคือแนวคิดเรื่องของ “องค์กรสุขภาพดี (Healthy Organization)”

องค์กรสุขภาพดี (Healthy Organization)

องค์กรสุขภาพดี หรือ Healthy Organization เป็นแนวคิดเกี่ยวกับการบริหารจัดการองค์กรที่มีมาตั้งแต่อดีต โดยองค์กรสุขภาพดี หมายถึงแนวทางในการบริหารจัดการความซับซ้อนของพฤติกรรมบุคลากรภายในองค์กร รวมไปถึงความพยายามในการตอบสนองความต้องการทั้งในระดับปัจเจกบุคคล ระดับกลุ่ม หรือแม้กระทั้งความต้องการของระดับองค์กร (Clark, 1962) แรกเริ่มเดิมที การเกิดขึ้นของแนวคิดเรื่ององค์กรสุขภาพดีเป็นผลสืบเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี รวมไปถึงการเกิดโลกาภิวัตน์ อันเป็นสาเหตุสำคัญที่ส่งผลให้การดำเนินงานขององค์กรมีการปรับเปลี่ยนไปในทางบวก ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มโอกาสทางการแข่งขัน การเข้าถึงความรู้ในการปฏิบัติงาน การจ้างงานที่มีค่าตอบแทนที่ดีกว่า อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวก็ส่งผลในแง่ลบเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นกดดันให้บุคลากรต้องเรียนรู้ตลอดเวลา ความต้องการในการเพิ่มภาระหน้าที่ความรับผิดชอบ ซึ่งส่งผลต่อสวัสดิภาพ หรือคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของพนักงาน (Well-Being) ที่ลดลง เหล่านี้เป็นผลให้บุคลากร ในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนงานบ่อย อันสืบเนื่องมาจากความเครียด ความกดดัน และปัญหาที่กระทบต่อชีวิตส่วนตัว (Raya & Panneerselvam, 2013) ดังนั้นแนวคิดเรื่ององค์กรสุขภาพดี จึงเป็นการบริหารจัดการที่นอกเหนือไปจากเดิม นั่นคือการแสวงหากำไร โดยเปลี่ยนจากทัศนคติดั้งเดิมว่าองค์กรที่สุขภาพดีคือองค์กรที่สถานะการเงินดีนั้นไม่เพียงพอ (Cotton & Hart, 2003; MacIntosh et al., 2007; Murphy & Cooper, 2000) แต่ต้องเน้นให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิต (Well-being) ของพนักงาน รวมไปถึงปัจจัยทั้งในด้านภาวะผู้นำของผู้บริหาร (Leadership) วัฒนธรรมการเรียนรู้ (Learning Culture) คุณภาพของงาน (Job Quality) และแนวปฏิบัติของฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ (HR Practices) ซึ่งส่งผลต่อผลการปฏิบัติงานของพนักงาน นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการดูแลความปลอดภัยทั้งทางร่างกายและจิตใจของบุคลากร (Physical and Mental Safety) (De Smet et al., 2007)

องค์ประกอบของการเป็นองค์กรสุขภาพดี

จากการสำรวจผลการศึกษาแนวคิดเรื่ององค์กรสุขภาพดี มีผลการสำรวจถึงองค์ประกอบที่สำคัญของความเป็น “สุขภาพดี” ขององค์กรให้แก่บุคลากร ต้องประกอบไปด้วยองค์ประกอบดังนี้

1. คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ (Well-Being) ของพนักงานและบุคลากรเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ (Antoniou et al., 2005) รวมไปถึงการบริหารความสมดุลระหว่างความสำเร็จขององค์กร และความสำเร็จส่วนบุคคลของพนักงานภายในองค์กร (Di Fabio, 2017)

2. ภาวะผู้นำและการสื่อสาร (Leadership and Communication) องค์กรที่สุขภาพดีจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารใหม่ทั้งหมด เพื่อให้ความสำคัญกับภาวะผู้นำของผู้บริหาร ที่เปิดโอกาสให้มีช่องทางการสื่อสาร และกระตุ้นให้เกิดการสนับสนุนทางสังคม รวมไปถึงปรับเปลี่ยนให้เกิดค่านิยมเรื่องของการให้เกียรติ มีความโปร่งใส และเปิดรับความหลากหลาย (Antoniou et al., 2005; Paranhos et al., 2021)

3. สร้างการมีส่วนร่วม และให้อำนาจในการตัดสินใจ (Involvement and Empowerment) องค์กรต้องเปิดโอกาสให้บุคลากรเข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบการดำเนินงาน รวมไปถึงการให้อิสระในการปฏิบัติงานพร้อมอำนาจในการตัดสินใจ (Antoniou et al., 2005) นอกจากนี้ยังต้องส่งเสริมให้พนักงานพัฒนาตัวเองเพื่อมีทักษะความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงาน (Paranhos et al., 2021)

4. การให้ความสำคัญและรางวัล (Recognition and Rewards) องค์กรที่มีสุขภาพดี จะให้ความสำคัญกับบุคลากรทุกคน โดยสามารถประเมินคุณค่าของงานที่พนักงานทำ และให้รางวัลที่เหมาะสม ทั้งในรูปแบบของผลประโยชน์ ค่าตอบแทน หรือความก้าวหน้าในสายงานอาชีพ (Antoniou et al., 2005; Di Fabio, 2017; Josh Bersin Company, 2021)

5. สภาพแวดล้อมทำงานที่มีสุขภาพดี (Workplace Wellness) คือการสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงาน ทั้งในมิติของวัฒนธรรมการทำงาน ไปจนถึงมิติด้านสถานที่ในเชิงบวก ที่เน้นเรื่องความปลอดภัยทั้งร่างกายและจิตใจของพนักงาน และช่วยเสริมประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานได้อย่างยั่งยืน (Di Fabio, 2017; Paranhos et al., 2021)

องค์กรสุขภาพดี และเจนเนอเรชั่น Z (Healthy Organization and Generation Z)

แม้ว่าแนวคิดเรื่ององค์กรสุขภาพดี จะเป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นมานานตั้งแต่ในอดีต อันสืบเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของกระแสสังคม และการเข้ามาของเทคโนโลยี อย่างไรก็ตามยุคสมัยของสังคมยังคงเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การเข้ามาในตลาดแรงงานที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มประชากร Gen Z ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่กระทบต่อพฤติกรรมการทำงานของแรงงานอย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งหากพินิจพิเคราะห์ในเชิงลึก จะเห็นได้ถึงความเชื่อมโยงกันระหว่างแนวทางการบริหารองค์กรสุขภาพดี และคุณลักษณะของแรงงานในกลุ่ม Gen Z อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนี้

> การที่องค์กรให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ (Well-being) ของพนักงาน จะช่วยตอบสนองความต้องการด้านค่านิยมของชีวิตส่วนตัว และแนวทางการทำงานแบบมีอิสระ และมีความยืดหยุ่นของพนักงาน Gen Z

> ผู้บริหารที่มีภาวะผู้นำ และให้ความสำคัญกับการสื่อสาร จะช่วยตอบสนองต่อความต้องการเรื่องค่านิยมความต้องการในการได้รับผลสะท้อนกลับด้านการปฏิบัติงาน รวมไปถึงการสนับสนุนให้ผู้บริหารหันมาให้คุณค่า และค่านิยมเรื่องของการให้ความเคารพความหลากหลายภายในองค์กร การให้เกียรติ และวัฒนธรรมเรื่องความเป็นธรรมทางสังคม และความโปร่งใส

> การสร้างวัฒนธรรมการมีส่วนร่วม และให้อำนาจแก่พนักงาน จะช่วยตอบสนองความต้องการในเรื่องของการบริหารจัดการงานตนเอง และการได้รับการส่งเสริมเพื่อการพัฒนาตนเองของพนักงาน Gen Z พร้อมกันนี้ยังช่วยส่งเสริมให้พนักงานสามารถปฏิบัติงานได้หลากหลาย และมีทักษะมากยิ่งขึ้น

> องค์กรสุขภาพดีจะให้ความสำคัญ และคุณค่ากับพนักงาน ซึ่งจะช่วยให้พนักงาน Gen Z รับรู้ถึงคุณค่าของตนเองในฐานะส่วนหนึ่งขององค์กร ซึ่งรวมไปถึงการได้รับรางวัลที่เหมาะสม ไม่ว่าจะในด้านของค่าตอบแทน หรือโอกาสในการเติบโตก้าวหน้าในสายอาชีพ

> การสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานในเชิงบวกขององค์กรสุขภาพดี จะเห็นความสำคัญกับสุขภาพกาย และสุขภาพจิตของพนักงาน ซึ่งรวมไปถึงการสร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดี และอาจจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการสนับสนุนทางสังคมแก่พนักงานอีกด้วย

บทสรุป - จะเห็นได้ว่าโดยรวมแล้ว องค์กรสุขภาพดีถือเป็นแนวทางหนึ่งที่มีการพูดถึงมาตั้งแต่ในอดีต แต่ผู้บริหารในหลายองค์กรก็สามารถนำเอาแนวทางนี้ไปประยุกต์ปรับใช้ในอนาคตกับกลุ่มแรงงาน Gen Z ที่กำลังทยอยเข้าสู่ตลาดแรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็แนวคิดเรื่ององค์กรสุขภาพกับแรงงาน Gen Z นั้นยังไม่สมบูรณ์เสียทีเดียว หากแต่ยังต้องเพิ่มปัจจัยสำคัญอีกหนึ่งประการ ได้แก่เรื่องของการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล อันเป็นรากฐานสำคัญของประชากร Gen Z เข้าไปเพิ่มเติม ซึ่งหากองค์กรใดสามารถบริหารจัดการตามแนวทางองค์กรสุขภาพดีพร้อมกับเพิ่มปัจจัยเรื่องเทคโนโลยีเข้าไป ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะสามารถสร้างความได้เปรียบในการดึงดูด บริหารจัดการ และรักษาแรงงานกลุ่ม Gen Z ในอนาคตได้อย่างยั่งยืนอย่างแน่นอน

อ้างอิง (Reference)

Antoniou, A.-S. G., Cooper, C. L., & Henry, J. (2005). Research Companion to Organizational Health Psychology. Edward Elgar Publishing. https://doi.org/10.4337/9781845423308

10.4337/9781845423308.00034

Benítez-Márquez, M. D., Sánchez-Teba, E. M., Bermúdez-González, G., & Núñez-Rydman, E. S. (2022). Generation Z Within the Workforce and in the Workplace: A Bibliometric Analysis [Review]. Frontiers in Psychology, 12. https://doi.org/10.3389/fpsyg.2021.736820

Burrell, D. N., Bradley-Swanson, O. T., Aridi, A. S., & Lewis, E. J. (2022). The Organizational and Social Complexities of Managing and Retaining Generation Z Employees in the United States Retail Industry. International Journal of Public Sociology and Sociotherapy (IJPSS), 2(1), 1-14. https://doi.org/10.4018/IJPSS.297202

Clark, J. V. (1962). A Healthy Organization. California Management Review, 4(4), 16-30. https://doi.org/10.2307/41165496

Cotton, P., & Hart, P. M. (2003). Occupational wellbeing and performance: A review of organisational health research. Australian Psychologist, 38(2), 118-127.

Croll, D. (n.d.). Gen Z are the most disgruntled workers and that’s a problem for employers. Yahoo! Finance. https://finance.yahoo.com/news/gen-z-are-the-most-disgruntled-workers-and-thats-a-problem-for-employers-150517925.html:text=’Fully loadedcostofturnover’&text=Italsofoundthat,and25ofbabyboomers.

Daryanto, H. K. W., & Santoso, B. (2022). Extra Role Behavior in Generation Z Employees Reviewing from Social Support, Resilience and Work Engagement Aspects.

De Smet, A., Loch, M., & Schaninger, B. (2007). Anatomy of a healthy corporation. McKinsey Quarterly, 3, 64.

Di Fabio, A. (2017). Positive Healthy Organizations: Promoting Well-Being, Meaningfulness, and Sustainability in Organizations [Perspective]. Frontiers in Psychology, 8. https://doi.org/10.3389/fpsyg.2017.01938

Gentina, E. (2020). Generation Z in Asia: A Research Agenda. In E. Gentina & E. Parry (Eds.), The New Generation Z in Asia: Dynamics, Differences, Digitalisation (pp. 3-19). Emerald Publishing Limited. https://doi.org/10.1108/978-1-80043-220-820201002

Janssen, D., & Carradini, S. (2021). Generation Z Workplace Communication Habits and Expectations. IEEE Transactions on Professional Communication, 64(2), 137-153. https://doi.org/10.1109/TPC.2021.3069288

Joshbersin. (2021, November 2). The Healthy Organization: Next big thing in employee wellbeing. JOSH BERSIN. https://joshbersin.com/2021/10/the-healthy-organization-the-next-big-thing-in-employee-wellbeing/

Koop, A. (n.d.). Chart: How gen Z employment levels compare in OECD countries. World Economic Forum. https://www.weforum.org/agenda/2021/03/gen-z-unemployment-chart-global-comparisons/

Krung Sri Guru. (n.d.). 6 สิ่งต้องรู้เมื่อบุกตลาด gen Z. krungsri.com. https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/6-techneques-to-approach-gen = GenZ

Kumar , V. S. (2023, August 1). Gen Z in the workplace: How should companies adapt?. Imagine. https://imagine.jhu.edu/blog/2023/04/18/gen-z-in-the-workplace-how-should-companies-adapt/

MacIntosh, R., MacLean, D., & Burns, H. (2007). Health in organization: Towards a process‐based view. Journal of Management Studies, 44(2), 206-221.

Mejia, C., & Pinto, J. (2021). Generation Z and Managing Multiple Generational Cohorts Simultaneously in Tourism and Hospitality. In N. Stylos, R. Rahimi, B. Okumus, & S. Williams (Eds.), Generation Z Marketing and Management in Tourism and Hospitality: The Future of the Industry (pp. 25-51). Springer International Publishing. https://doi.org/10.1007/978-3-030-70695-1_2

Murphy, L. R., & Cooper, C. (2000). Healthy and productive work: an international perspective. CRC Press.

PANAGIOTOU, N., LAZOU, C., & BALİOU, A. (2022). Generation Z: Media Consumption and MIL. İmgelem, 6(11), 455-476.

Paranhos¹, W. R., Willerding, I. A. V., & Lapolli, É. M. (2021). SCHOOL AS A HEALTHY ORGANIZATION: contributions from Human Management. International Journal for Innovation Education and Research, 9(9), 178–187.

Raya, R. P., & Panneerselvam, S. (2013). The healthy organization construct: A review and research agenda. Indian J Occup Environ Med, 17(3), 89-93. https://doi.org/10.4103/0019-5278.130835

Seemiller, C., & Grace, M. (2018). Generation Z: A century in the making. Routledge.

Tag:
No items found.
Share this post:
พีรศุษม์ บุญแก้วสุข

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024