>
HR จะพัฒนาองค์กรได้อย่างไร ภายใต้งบประมาณที่ไม่เป็นใจ
May 14, 2021

HR จะพัฒนาองค์กรได้อย่างไร ภายใต้งบประมาณที่ไม่เป็นใจ

จากวิกฤตโควิด -19 ที่ผ่านมา ในปีที่แล้วองค์กรส่วนใหญ่ต่างก็สะบักสะบอมจากการที่ต้องนำพาฝ่าวิกฤตไม่ว่าจะเป็นทั้งในเรื่องของโรคระบาด หรือกำลังซื้อของประชาชนที่ลดลง และส่งผลต่อผลประกอบการของบริษัทส่วนใหญ่ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง มิหนำซ้ำสภาพการณ์ของเศรษฐกิจในปี 2564 ยังมีแนวโน้มที่จะทรงตัวจากปีก่อน โดยธนาคารแห่งประเทศไทยประเมินไว้ว่าในปี 2564 ไทยจะมี GDP เพิ่มขึ้นที่ 3.6% หลังจากที่ลดลงในปี 2563 ไปถึง 6.6% ก่อให้เกิดผลกระทบระยะสั้น ถึงระยะกลางต่อบริษัทน้อยใหญ่ในประเทศไทย และแน่นอนว่าสิ่งนี้จะส่งผลโดยตรงต่อหน่วยงานทรัพยากรมนุษย์ของบริษัทที่ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อย่างไรก็ดีไม่ว่าสภาพการณ์เศรษฐกิจจะย่ำแย่เพียงใด หน่วยงานทรัพยากรมนุษย์ก็ยังคงมีหน้าที่ที่จะสนับสนุนและนำพาธุรกิจให้ประสบความสำเร็จพร้อมๆกับการเพิ่มคุณค่าให้คนได้เข้าถึงศักยภาพที่แท้จริงของตนเอง และมีประสบการณ์ที่ดี มีความสุขตลอดระยะเวลาการทำงานให้กับบริษัท ดังนั้น ชาว HR ก็จะต้องมีเทคนิคในการที่จะสมดุลย์สองสิ่งทั้งเป้าหมายของหน่วยงานและองค์กร กับงบประมาณที่ลดลงและจำเป็นต้องใช้ให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ในบทความนี้จะแนะนำ 3 ขั้นตอนในการจัดการเพื่อบริหารงบประมาณที่จำกัดในหน่วยงานทรัพยากรมนุษย์ให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการรักษา และพัฒนาบุคลากรในบริษัทได้

1. ตั้งเป้ารักษา employee experience และประสิทธิภาพในการทำงานเพื่อตอบโจทย์องค์กร ก่อนแล้วจึงลงมือตัดลดงบประมาณ – การที่เรามีทรัพยากรลดลง ทำให้ HR จำเป็นจะต้องคัดเลือกสิ่งที่จำเป็นต่อธุรกิจ และส่งผลต่อประสบการณ์ของพนักงานก่อน ซึ่งหากยังนึกไม่ออกว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหนดี อาจเริ่มจากผลสำรวจของ Gartner ที่ทำกับนักบริหารทรัพยากรมนุษย์ระดับผู้นำทั่วโลกกว่า 800 คน ว่า 3 เรื่องที่สำคัญในปี 2021 มีดังนี้

1) สร้างทักษะและความสามารถที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจ ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจำนวนมากจำเป็นต้องเปลี่ยนลักษณะการดำเนินธุรกิจ หรือมีความยากในการดำเนินงานมากขึ้น ฉะนั้น ทักษะที่ต้องใช้อาจจะเหมือนหรือแตกต่างจากเดิม HR จึงต้องทำงานสอดประสานกับ Line Manager ในการค้นหาทักษะที่จำเป็นจริงๆ และโฟกัสไปที่เรื่องนั้นๆ หรือหากไม่สามารถสร้างได้ ก็อาจจะต้องหาทางซื้อ หรือยืม แรงงานมาจากช่องทางต่างๆ เช่นการจ้าง Outsource หรือ Freelance ในบางเรื่องที่จำเป็น

2) การออกแบบองค์กรใหม่ และการจัดการความเปลี่ยนแปลง หลายธุรกิจที่ได้รับผลกระทบได้ทำการลดพนักงาน ลดค่าจ้าง ปรับปรุงโครงสร้างองค์กรใหม่ เพื่อให้สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลง ดังนั้นทีมบริหารทรัพยากรมนุษย์จึงต้องช่วยเหลือคนในองค์กรทั้งในแง่การช่วยวางโครงสร้าง หรือในแง่กำลังใจในการฝ่าวิกฤตหรือความเปลี่ยนแปลงนั้นๆ สร้าง Resilience ให้เกิดขึ้นกับพนักงานในองค์กร เพื่อให้ฝ่าวิกฤตไปได้

3) การสร้างภาวะผู้นำให้ทั้งผู้นำในปัจจุบัน และผู้นำในอนาคตขององค์กร HR ต้องช่วยในการสร้างความเชื่อมั่น และมองหาดาวจรัสแสง ที่อาจจะส่องแสงในยามวิกฤตเช่นนี้ และช่วยผลักดันผ่านทางการพัฒนาต่างๆ เพื่อให้เป็นกำลังสำคัญในองค์กร

ทั้งนี้ สามข้อที่ว่าก็เป็นเพียงหัวข้อใหญ่ๆ ที่เราอาจจะไปใช้ตั้งต้นค้นหาว่า ความจำเป็นขององค์กรเราคืออะไร โดยยึดถือจากเป้าหมาย และกลยุทธ์ขององค์กรเป็นสำคัญ และเมื่อได้เป้าหมายที่ชัดเจน เราก็สามารถนำมาพัฒนาโครงการต่างๆ เพื่อนำมาพัฒนาองค์กรได้ แต่ในสถานการณ์ที่งบประมาณจำกัด เราไม่สามารถที่จะเลือกทุกๆเรื่องมาทำได้ เราสามารถใช้ Value-Complexity Matrix เป็นตัวช่วยในการเลือกโครงการที่จะดำเนินการภายใต้งบประมาณที่จำกัดได้ โดยที่มองว่า Value คือ ประโยชน์ต่อประสบการณ์ของพนักงานและประสิทธิภาพของหน่วยงานทรัพยากรมนุษย์ ส่วน Complexity คือความยากของโครงการรวมไปถึงทรัพยากรที่ต้องใช้(รวมถึงงบประมาณด้วย) โดยแบ่งเป็นสี่กลุ่ม ดังนี้

High-value, low-complexity: ถือเป็น “Easy wins” ควรนำมาลงมือทำได้ทันที

High-value, high-complexity: ถือว่าควรนำมาเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างกลยุทธ์ใหม่ๆเพื่อตอบโจทย์องค์กร ควรแตกงานให้ย่อยลงมาอีก หรือค่อยๆทำในบางส่วนก่อนในปีนี้

Low-value, low-complexity: ถือว่าเป็นสิ่งที่รอก่อนได้ อาจไว้ทำปีหน้า (ที่งบประมาณอำนวย)

Low-value, high-complexity: ถือว่าควรเป็นสิ่งที่ตัดทิ้งออกไป ไม่จำเป็นต้องทำ

และเมื่อใช้วิธีคิดนี้เราสามารถได้สิ่งที่จำเป็นในการทำงานของหน่วยงาน และนำไปสู่การวางแผนงบประมาณในข้อถัดไป

Value-Complexity Matrix Model (/www.reforge.com/brief/use-a-product-value-matrix-to-prioritize-yourroadmap)

2. ใช้วิธีคิดแบบ Zero Based Budgeting (ZBB) ในการระบุและจัดลำดับความสำคัญในการใช้งบประมาณ - Zero Based Budgeting หรือที่เรียกในชื่อภาษาไทยว่า การจัดทำงบประมาณฐานศูนย์ เป็นแนวคิดของ Peter Pyrrh ผู้จัดการฝ่ายบัญชีของ Texas Instruments เป็นผู้สร้างการจัดทำงบประมาณฐานศูนย์ขึ้นในทศวรรษที่ 1970 โดยแสดงแนวคิดนี้ไว้ในหนังสือของเขาชื่อ “Zero Based Budgeting: A Practical Management Tool for Evaluating Expenses” แนวคิดนี้จะเริ่มต้นจากวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ และนำเข้าสู่กระบวนการงบประมาณด้วยการจัดกลุ่มค่าใช้จ่าย และประเมินผลความสำเร็จของค่าใช้จ่ายนั้น ช่วยให้ฝ่ายบริหารสามารถกระจายทุนไปตามความจำเป็นในปัจจุบัน ซึ่งเป็นวิธีการวางแผนและการตัดสินใจที่เป็นต่างกับการวางแผนงบประมาณในแบบดั้งเดิมอย่างชัดเจน กล่าวคือการทำงานในแบบงบประมาณดั้งเดิมนั้นจะตั้งต้นงบประมาณที่ทำการคาดการณ์มาจากปีก่อนหน้า และเพิ่มค่าตัวแปรเข้าไปเพื่อประเมินว่า จะต้องเพิ่มหรือลดงบประมาณจากปีที่ผ่านมามากน้อยเพียงใด  แต่ Zero Based Budgeting จะเริ่มการคำนวณงบประมาณที่จะใช้มาตั้งแต่ 0 โดยมีพื้นฐานจากการแจงแจงตัวเลขแต่ละรายการให้เหมาะสม โดยไม่สนใจว่าในปีที่ผ่านมาได้เคยจัดสรรงบประมาณในแต่ละรายการไว้ที่เท่าไหร่ แต่ขึ้นอยู่กับความสำคัญของโครงการ ซึ่งองค์กรขนาดใหญ่จำนวนมากใช้วิธีการนี้เพื่อจัดสรรงบประมาณให้ได้ผลลัพธ์สูงสุด

ยกตัวอย่างเช่นการที่คุณจะเริ่มต้นการทำงบประมาณของหน่วยงานทรัพยากรมนุษย์ แทนที่จะไปเปิดงบประมาณปีที่แล้ว ก็ให้คุณทบทวนเป้าหมายขององค์กร และเป้าหมาย กลยุทธ์ ตลอดจนและ HR Metrics ต่างๆ หรือจะให้ดี นำสิ่งที่คิดได้จากข้อแล้ว โดยใช้ตัวกรองจาก Value-Complexity Matrix มาประกอบการตัดสินใจเลือกแต่ละโครงการ แล้วจึงวางแผนออกมาเป็นเรื่องๆ เป็นกิจกรรมที่จะตอบโจทย์ผลสำเร็จของหน่วยงาน แล้วจึงนำกิจกรรมเหล่านั้น มาแตกรายละเอียด แล้วถอดออกมาเป็นงบประมาณ ซึ่งการคิดตั้งต้นจากแต่ละรายการแบบนี้จะทำให้คุณสามารถตัดลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และสามารถใส่งบประมาณลงไปในส่วนที่สำคัญได้อย่างตรงจุด อย่างไรก็ดี คุณควรระวังอย่าใช้วิธีนี้เพื่อมุ่งเน้นการตัดลดค่าใช้จ่ายแต่เพียงอย่างเดียว แต่ขอให้โฟกัสไปกับการใช้งบประมาณให้เหมาะสมตรงจุดจะเป็นประโยชน์สูงสุดกับองค์กรมากกว่า

3. สื่อสารกับทีมงาน และพนักงานด้วยความโปร่งใสและชัดเจน – การตัดลดงบประมาณไม่ว่าทางใดก็ต้องส่งผลกระทบต่อพนักงานทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นในแง่ของผลประโยชน์ที่ลดลง หรือความสะดวกที่ลดลง หรือการทำงานได้ยากขึ้น ข้อมูลจากผลสำรวจ Gartner Global Labor Market Survey ปี 2019 จาก ผู้จัดการและพนักงานกว่า 10,000 คนทั่วโลกในหลากหลายอุตสาหกรรมพบว่า ความพึงพอใจของพนักงานต่อองค์กร ลดลงถึง 8% และความผูกพันธ์กับองค์กรของพนักงาน ลดลงถึง 7% ตลอดจนจำนวนพนักงานที่ได้ผลการทำงานในระดับตรงตามเป้าหมาย และเกินเป้าหมาย ลดลงถึง 5% หลังจากมาตรการลดค่าใช้จ่าย ฉะนั้นในการพิจารณาตัดลด หรือหั่นค่าใช้จ่ายใดๆ ควรจะต้องมีการประเมินถึงผลกระทบที่ไม่เป็นตัวเลขต่างๆ เอาไว้ด้วย แล้วใช้การสื่อสารมาช่วยอุดช่องโหว่ของเรื่องเหล่านี้ให้ได้มากที่สุด และจำเป็นต้องสื่อสารทั้งกับทีมงาน และพนักงานให้รับทราบถึงสาเหตุ และที่มาของการตัดลดงบประมาณ โดยไม่ต้องรอผ่านทาง MD Communication หรือ CEO Talk ที่เป็นช่องทางที่เป็นทางการเพียงอย่างเดียว ทาง HR ก็สามารถเป็นกระบอกเสียงในการแจ้งพนักงานให้ทราบได้เช่นกันว่า สถานการณ์ของทางบริษัทเป็นอย่างไร และส่งผลกระทบต่อพนักงานอย่างไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นช่องทางการสื่อสารของ HR เช่น Internal Magazine/ E-mail หรือ Line กลุ่มของ HR หรืออาจจะผ่านทางกิจกรรมต่างๆที่ HR จะจัดขึ้น โดยมีใจความสำคัญ สื่อถึงเรื่องของการประหยัดงบประมาณ ก่อให้เกิดการมีส่วนร่วมจากพนักงาน อีกทั้งสร้างความตระหนักรู้ในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญร่วมกันให้แก่พนักงานได้อีกด้วย

สุดท้ายนี้ การลดงบประมาณถึงจะเป็นเรื่องที่ฟังดูร้ายๆ แต่ในทางกลับกัน หากเราตั้งรับวิกฤตนี้ด้วยสติ และมองให้รอบด้านทั้งทางธุรกิจ และเรื่องของการบริหารและพัฒนาคน ก็เป็นโอกาสในการที่องค์กรจะสามารถรีดไขมันส่วนเกินในส่วนต่างๆ เพื่อสร้างความแข็งแรงให้กับองค์กรและคนในองค์กร ให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่ผันผวนในโลกยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

อ้างอิง

https://www.bot.or.th/Thai/MonetaryPolicy/MonetPolicyComittee/MPR/Pages/default.aspx

https://www.reforge.com/brief/use-a-product-value-matrix-to-prioritize-your-roadmap#JMBdA0i_7R9C7_OesGIHRQ

what-employees-think-about-cost-optimization, Gartner

https://www.gartner.com/smarterwithgartner/use-zero-based-budgeting-to-rightsize-tight-budgets/

https://www.gartner.com/smarterwithgartner/hr-under-pressure-to-cut-costs-know-how-to-protect-whats-important/

https://www.gartner.com/smarterwithgartner/gartner-top-3-priorities-for-hr-leaders-in-2021/

Tag:
No items found.
Share this post:
วัฒนศักดิ์ วิบูลย์ชัยกุล

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024