>
เราจะจัดระเบียบออฟฟิศอย่างไรให้กลับมาน่าทำงานยิ่งกว่าเดิม
August 10, 2021

เราจะจัดระเบียบออฟฟิศอย่างไรให้กลับมาน่าทำงานยิ่งกว่าเดิม

เดือนที่ผ่านมา เราเห็นหลายบริษัทลดขนาดออฟฟิศลง ย้ายไปโลเคชั่นใหม่ หรือบางบริษัทก็ดันเพิ่งตกแต่งออฟฟิศใหม่เสร็จเองด้วยซ้ำ ทำให้นี่เป็นอีกประเด็นที่น่าสนใจในวงการ HR และเหล่าคนทำงานว่า ออฟฟิศยังจำเป็นสำหรับการทำงานอยู่จริงหรือ ในเมื่อก็ทำงานได้ดีกว่าด้วย แล้วออฟฟิศที่มีอยู่นี้จะทำอย่างไรต่อไปดี

81% ของคนทำงานในอเมริกาพอใจมากกับการทำงานที่บ้าน และกว่าครึ่งบอกว่าทำให้ work life balance ดีขึ้น ข้อมูลจากจากการสำรวจของ Livecareer กับคน 1,000 คน  

ก่อนอื่น มาดูกันก่อนว่า ทำไมคนถึงชอบทำงานที่บ้าน?

พนักงานหลายคนยอมรับว่าทำงานได้ดีกว่าเดิมด้วยซ้ำที่บ้าน ประหยัดค่าเดินทาง และรู้สึกสบายกว่าเดิมทั้งการแต่งตัว เวลาพักผ่อน และไม่ได้ลำบากในการใช้ระบบไอที ในขณะที่ National Bureau of Economic Research พบว่า พนักงานยังเรียนรู้ด้วยตัวเองเพิ่มขึ้นอีกด้วยเมื่อทำงานที่บ้าน

35% อ่านหนังสือมากขึ้น เมื่อทำงานที่บ้าน

29% ลงเรียนศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น

34% เข้าเรียนคอร์สออนไลน์ เพื่อเพื่มทักษะในการทำงาน

แต่องค์กรกว่า 70% ก็ยังวางแผนอยากจะให้พนักงานกลับมาทำงานที่ออฟฟิศ เพราะเชื่อว่า การทำงานแบบเห็นหน้ากันตัวเป็น ๆ ในออฟฟิศ มีคนเดินไปเดินมา หรือยืนคุยกันที่ตู้กดกาแฟนั้นยังมีประโยชน์อยู่หลายอย่าง และพนักงานบางส่วนก็ยังอยากเข้าออฟฟิศ แต่ขอสัปดาห์ละไม่เกิน 3 วันเท่านั้น นอกซะจากว่ามีเงื่อนไขบางอย่างที่ดีกว่าการทำงานที่บ้าน

ทำงานที่บ้านดีขนาดนี้ แล้วทำไมคนถึงชอบทำงานที่ออฟฟิศ?

เดือนที่ผ่านมา Google เจ้าแห่งการออกแบบออฟฟิศที่สร้างแรงบันดาลใจให้บริษัทและคนทำงานทั่วโลกอันดับต้นๆที่เราต้องนึกถึง ที่เปลี่ยนภาพจำของออฟฟิศให้เป็นมากกว่าสถานที่ทำงาน ออฟฟิศ หรือ campus เป็นสังคมของคนเก่งๆจากทั่วทุกมุมโลกที่เดินทางมาโดยมีเป้าหมายในการมาแก้ปัญหาสำคัญๆบางอย่างร่วมกัน ดังนั้น กูเกิ้ลจึงได้ renovate ออฟฟิศใหม่ให้ตอบโจทย์ hybrid workplace ในอนาคต ตั้งแต่การมีพื้นที่รองรับการประชุมที่จุคนเยอะๆแบบ outdoor ห้องทำงานขนาดเล็กแบบ team pod ใช้คุยงานสำคัญที่ต้องการโฟกัส หรือ campfire พื้นที่ประชุมที่มีส่วนร่วมได้ทั้งจากทางบ้านและที่ออฟฟิศแบบล้อมวงคุยกัน นอกจากนี้ในเชิงนโยบายยังมีการปรับตัวเลือกให้พนักงานเลือกรูปแบบการทำงานในสัญญาจ้างได้ และมี focused hour ใช้ประชุมงานสำคัญ และ reset days ให้พนักงานไปรีเซ็ตชีวิตรองรับการทำงานแบบใหม่ได้อีกด้วย

หากออฟฟิศยังจำเป็นอยู่ เราจะจัดระเบียบออฟฟิศใหม่อย่างไรดี

เมื่อออฟฟิศไม่ใช่แค่ห้องทำงานอีกต่อไป เราต้องมองให้ออกว่า คุณค่าที่แท้จริงของออฟฟิศอยู่ที่ไหน แล้วลงมือสร้างประสบการณ์ที่ดีและจัดระเบียบใหม่ในทุก touchpoint ให้พนักงาน ไม่ใช่แค่ออกแบบสถานที่ แต่ออกแบบประสบการณ์ที่พนักงานจะได้รับเมื่อเดินเข้ามาที่นี่ กลยุทธ์จะมุ่งไปที่เปลี่ยนจุดอ่อนที่กำลังจะหมดความสำคัญ ให้กลายเป็นจุดแข็งที่ช่วยขับเคลื่อนผลงานขององค์กร ถึงเวลาเปลี่ยนสถานที่ทำงานให้เป็น Employee Experience Center สร้างประสบการณ์ดีๆและสร้างเป็น Enabler ชิ้นสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนผลงานขององค์กรในยุค hybrid workplace วันนี้เรามีแนวทางดีๆมาฝากกัน

1. จัดระบบให้ ‘ง่ายต่อการเข้าออฟฟิศ’

เมื่อการมาทำงานที่ออฟฟิศกลายเป็นเรื่องยาก เราก็ต้องจัดระบบให้ง่ายต่อการมาทำงาน พนักงานหลายคนอไม่ใช่ว่าไม่อยากมาทำงานที่ออฟฟิศ แต่การมาออฟฟิศยากขึ้น ไม่ว่าจะต้องดูแลลูกที่กำลังเรียนออนไลน์ที่บ้าน ความรู้สึกผูกพันที่ต้องดูแลครอบครัวที่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันในช่วงเดือนที่ผ่านมา ดังนั้น สิ่งที่ HR พอจะทำได้ คือแปลงข้อจำกัดเหล่านี้ ไปเป็นความช่วยเหลือในแง่ต่างๆ เช่น การเปลี่ยน Child Care Center ในออฟฟิศ ที่เดิมเราแค่มีพี่เลี้ยงและของเล่น เอาไว้ดูแลลูกหลานของพนักงานระหว่างมารอพ่อแม่ทำงานที่ออฟฟิศ ให้กลายเป็นครูพี่เลี้ยงที่คอยดูเด็กเรียนออนไลน์ หรือนำเด็กออกกำลังกายแบบง่ายๆได้ด้วย ตัวอย่างในต่างประเทศ บริษัทต่างๆได้ให้สมาคม YMCA ได้เข้ามามีบทบาทในการให้บริการเรื่องนี้ในสถานที่ทำงาน

2. จัดะเบียบให้ออฟฟิศ ‘มีประสิทธิภาพยิ่งกว่าที่บ้าน’

อีกหนึ่งเหตุผลที่คนรู้สึกว่า ออฟฟิศไม่จำเป็น เพราะเชื่อว่าการทำงานที่บ้านได้ผลลัพธ์มากกว่า เรื่องนี้อาจจะไม่จริงเสมอไป ถ้าเรามองไปข้างหน้าโดยหาวิธีเพิ่มประสิทธิผลของงานมากกว่าเดิม โดยใช้ประโยชน์จากการมีออฟฟิศ ทำให้เห็นว่า พนักงานทำงานน้อยลง แต่ได้ผลดีขึ้นเมื่อเข้าออฟฟิศ เช่น กำหนดนโยบายให้ใช้เวลาให้น้อยที่สุดในการประชุมที่ออฟฟิศ เพื่อลดการสัมผัสและความแออัดในห้องประชุม ดังนั้น พนักงานจะเตรียมตัวมาเข้าประชุมได้ดีขึ้น อาจมีการแจกเนื้อหาในรูปแบบ Memo อย่างที่ Amazon ใช้ให้อ่านก่อน และพูดคุยเฉพาะเรื่องที่สำคัญๆเท่านั้น ทำให้พนักงานโฟกัสกับงานมากขึ้นระหว่างประชุม  

3. จัดสวัสดิการให้การ ‘ทำงานที่ออฟฟิศเป็นเรื่องเท่าเทียม’

ในเมื่อพนักงานบางส่วนสามารถทำงานที่บ้านได้ และยังได้ทุกอย่างเท่ากัน ทำไมพนักงานบางตำแหน่งต้องถูกบังคับให้เดินทางมาที่ออฟฟิศหรือสถานที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงและเสียเวลาชีวิตส่วนตัวด้วย สิ่งเหล่านี้กลายเป็นที่ถกเถียงถึงความแฟร์ขององค์กร แต่เพื่อไม่ให้โอนเอียงไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เราจำเป็นต้องนำ ‘ความคิดสร้างสรรค์’ มาออกแบบรูปแบบค่าตอบแทนและสวัสดิการใหม่ ให้เกิดความเท่าเทียมกันในองค์กร โดยให้รางวัลสร้างการมีส่วนร่วมและแรงจูงใจในการทำงานที่ออฟฟิ เช่น เวลาเดินทาง ต่อไปอาจต้องนับรวมไปในเวลาทำงาน หรือแม้กระทั่งค่าเดินทางที่ต่อไปอาจเป็นสวัสดิการพื้นฐานในบางตำแหน่งที่ต้องเข้าออฟฟิศ

Livecareer ถามคนทำงานว่า จะทำอย่างไรให้พนักงานอยากกลับเข้ามาที่ออฟฟิศอยู่ มีคำตอบมีสิ่งที่เราสามารถหยิบมาใช้ให้เหมาะกับองค์กรได้ อาทิ

> มีโอกาสให้ขึ้นเงินเดือนสูงกว่า จากการทำงานใกล้ชิดกับหัวหน้างาน

> อาหารฟรี กาแฟฟรี ขนมฟรี ใครจะไม่อยากมา

> อยากเข้าออฟฟิศ ถ้ามี paid time off มากกว่าเดิม

> สามารถเบิกค่าเดินทางได้ เพราะหากทำงานที่บ้านก็ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายส่วนนี้

> ตารางการทำงานที่ยืดหยุ่นกว่าเดิมในออฟฟิศ

> มีมาตรการและสถานที่ที่ปลอด COVID-19

> เก้าอี้ โต๊ะ และอุปกรณ์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม ให้น่าทำงานกว่าเก้าอี้ที่บ้าน

> โอกาสและจังหวะในการเข้าสังคมกับเพื่อนร่วมงาน

> แต่งตัวตามสบายได้เหมือนอยู่บ้าน

> เวลาทำงานน้อยลง โดยนับเวลาเดินทางเข้าไปในเวลางานแล้ว

พนักงานบางคน ทำงานได้ดีกว่า เมื่ออยู่ที่บ้าน ในขณะที่พวกเราบางคน อาจทำงานได้ดีกว่าเมื่อเข้าออฟฟิศ HR และหัวหน้างานต่อไปนี้จะต้องมองให้ขาดบาลานซ์ระหว่างกลุ่มคนลักษณะใหม่ (The New Employee Persona) แล้ววางนโยบายที่เหมาะสม ไม่ใช่แค่ put the right man on the right job แต่ต้อง put the right man to the right workplace ในสถานที่ที่เขาทำงานได้ดีที่สุดและมีความสุขที่สุด

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

อ้างอิง

https://www.foxbusiness.com/economy/most-workers-want-continue-working-from-home-post-pandemic-world

https://www.nber.org/papers/w27612

https://www.livecareer.com/resources/careers/planning/is-remote-work-here-to-stay

Tag:
No items found.
Share this post:
วสุธร หาญนภาชีวิน

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024