>
ปรับวัฒนธรรมองค์กรในยุค Hybrid Work อย่างไรให้เวิร์ค
March 22, 2022

ปรับวัฒนธรรมองค์กรในยุค Hybrid Work อย่างไรให้เวิร์ค

จากความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในยุคปัจจุบัน ทั้งจากเทคโนโลยี จากโรคระบาดต่าง ๆ ที่ทำให้องค์กรต้องปรับรูปแบบการทำงานจากการทำงานแบบเดิมมาสู่การเป็น Hybrid Work กันมากขึ้น เจอหน้ากันน้อยลง มิหนำซ้ำยังต้องมาเผชิญหน้ากับปัญหาใหญ่ๆเรื่องการขาดทรัพยากรคน การลาออกของบุคคลากร ใน The Great Resignation อีกด้านหนึ่ง ทำให้หลายองค์กรรู้สึกว่าวิถีการทำงานขององค์กร ความสัมพันธ์ขององค์กรมีความลดน้อยถอยลง แต่ทว่าหากไปดูจากผลสำรวจของ Gartner ที่ทำสำรวจกับพนักงานกว่า 1,750 คน กลับมองไปทิศทางตรงกันข้าม คือ 32% มองว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่ดีอย่างมาก และอีก 44% มองว่ามีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของวัฒนธรรมองค์กรที่ดีขึ้นเล็กน้อย มีเพียง 24% ของพนักงานเท่านั้นที่มองว่าความเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นไปในทิศทางที่แย่ลง

หลายคนเมื่อเห็นผลสำรวจอาจจะรู้สึกว่า แต่องค์กรของตนเองนั้นไม่น่าจะเหมือนกัน บางทีก็รู้สึกว่าวัฒนธรรมองค์กรของตัวเองในช่วงทำ Work from Home หรือทำงานแบบ Hybrid Work นั้นมีความรู้สึกที่เหมือนจะแย่ลง ก่อนที่จะไปต่อ ผู้เขียนขอพาทุกท่านไปรู้จักกับรูปแบบของวัฒนธรรมองค์กรกันให้ละเอียดกว่านี้อีกสักหน่อย

เมื่อเรานึกถึงวัฒนธรรมองค์กร ส่วนใหญ่ก็จะเข้าใจกันอยู่แล้วว่าเป็นการสิ่งที่เหมือนเป็นวิธีการปฎิบัติ หรือแนวทางในการใช้ชีวิตในองค์กร และการทำงานร่วมกันของคนในองค์กร ซึ่ง Harvard Business Review ได้เคยทำการสำรวจวัฒนธรรมองค์กรจากองค์กรทั่วโลกกว่า 12,800 องค์กร ในช่วงปี 2017-2019 ได้พบว่าวัฒนธรรมองค์กรต่าง ๆ นั้น สามารถแบ่งได้เป็นสองมีติ มิติแรกคือการตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลง ว่าเป็นการปรับตัว หรือเป็นการสร้างความมั่นคง กับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ว่าเป็นการมีความสัมพันธ์อย่างอิสระต่อกัน หรือเป็นความสัมพันธ์ที่มีความเอื้ออาทรระหว่างกัน ซึ่งจากการแบ่งเป็น 2 แกนนี้จะได้วัฒนธรรมองค์กรได้เป็น 8 รูปแบบคือ

ภาพที่ 1 วัฒนธรรม 8 ประเภทที่พลอตด้วย 2 มิติ

1) Caring ที่จะเน้นเรื่องของความสัมพันธ์ และความเชื่อใจระหว่างกัน โดยจะมีความเอื้ออาทร ช่วยเหลือกัน สร้างความสัมพันธ์ในเชิงบวก ซึ่งผู้นำก็จะเน้นเรื่องทีมและความสัมพันธ์

2) Purpose ที่จะเน้นในเรื่องสร้างสิ่งที่ดี และยิ่งใหญ่ เน้นการสร้างสิ่งที่ดีขึ้นให้กับระดับสังคมหรือโลก ซึ่งผู้นำก็จะเน้นเรื่องการแชร์อุดมการณ์ และการเสียสละเพื่อไปสู่เป้าหมาย

3) Learning จะเน้นในเรื่องของการคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เปิดใจรับสิ่งใหม่ ๆ ซึ่งผู้นำก็จะเน้นเรื่องความรู้ การได้ทำอะไรใหม่ๆ และนวัตกรรมต่าง ๆ

4) Enjoyment จะเน้นในเรื่องของความสนุกตื่นเต้น ทำงานอย่างมีความสุข ผู้นำก็จะเน้นเรื่องความสุขในการทำงาน และการสร้างความสนุกสนานในระหว่างทำงาน

5) Result จะเน้นเรื่องชัยชนะและการไปสู่เป้าหมาย เน้นให้ไปสู่เป้าหมาย และการเติบโตขององค์กร ผู้นำจะเน้นเรื่องการไปสู่เป้าหมาย

6) Authority จะเน้นเรื่องของความเด็ดขาด การไปสู่ชัยชนะ ผู้นำจะเน้นเรื่องการควบคุมดูแลให้เป็นไปในทิศทางที่ต้องการอย่างเข้มงวด

7) Safety จะเน้นเรื่องของการวางแผน การเตรียมพร้อม การระมัดระวังตนเอง ซึ่งผู้นำในองค์กรที่มีวัฒนธรรมอบบนี้จะค่อนข้างยึดตามแผน และทำงานตามหลักความเป็นจริง

8) Order จะเน้นเรื่องการเคารพ กฎระเบียบ และวิถีปฎิบัติร่วมกัน ผู้นำในองค์กรที่มีวัฒนธรรมองค์กรแบบนี้มักจะเน้นเรื่องการทำตามแนวปฎิบัติ

ซึ่งทั้ง 8 แบบนี้ต่างก็มีข้อดีและข้อเสียในตัวเอง และถ้าหากลองนำวัฒนธรรมทั้ง 8 มาพลอตลงในมิติการตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลง กับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล เราจะพบว่าจะสามารถจัดวางได้ตามภาพที่ 1 อ้างอิงจาก Spencer Stuart Harvard Business Review ซึ่งวัฒนธรรมองค์กรนี้ส่วนมากจะไม่ได้มีเพียงสไตล์เดียว แต่จะมีสไตล์ที่เป็นลูกผสมมากกว่า 1 รูปแบบ แต่ว่ามักจะไม่ข้ามกันไปคนละแกนอย่างชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น สไตล์ Learning กับ Purpose มักจะเห็นกันบ่อย ๆ แต่สไตล์ Learning กับ Safety อาจจะไม่ค่อยเห็นมากนัก อีกทั้งถ้าหากขัดแย้งกันมากๆ องค์กรก็จะต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการที่จะรักษาวัฒนธรรมองค์กรทั้ง 2 ด้านเอาไว้ เคยมีผลสำรวจของ Gartner ในปี 2018 ระบุว่า 77% ของพนักงานรู้สึกสับสนว่าไม่รู้จะปฎิบัติตนอย่างไรกับวัฒนธรรมองค์กรข้อที่ไม่สอดคล้องกัน

ดังนั้นการที่จะยังรักษาวัฒนธรรมองค์กรให้สามารถนำพาธุรกิจให้เติบโตต่อไปได้นั้น ก่อนอื่นผู้นำองค์กรจำเป็นจะต้องหันกลับมาวิเคราะห์โทน และทิศทางของวัฒนธรรมองค์กรของตนเองว่า ถ้าหากรูปแบบการทำงานเปลี่ยนไป สถานการณ์ในทางธุรกิจเปลี่ยนไป จะต้องใช้วัฒนธรรมองค์กรแบบไหนที่จะมาสนับสนุนธุรกิจของตน หลังจากนั้นแล้วก็หันกลับมาดูวิถีการทำงาน และสไตล์ รวมไปถึง จุดประสงค์การทำงานของทีมงานของคุณว่ามีความเชื่อ มีความต้องการแบบไหน และพยายามที่จะสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่สามารถเชื่อมต่อกับวัตถุประสงค์ในการทำงานของพนักงานได้ โดยที่ยังต้องตอบโจทย์ของธุรกิจที่ต้องการ

และหากสามารถที่จะกำหนดวัฒนธรรมองค์กรที่เข้ากันกับสถานการณ์ปัจจุบันได้แล้ว การสร้างวัฒนธรรมองค์กรในยุค Hybrid Work ก็ไม่สามารถจะไปจัด outing หรือไปทำกิจกรรมพวก walk rally แบบที่เคยทำๆกันมาได้อีกต่อไป จึงขอแนะนำ 2 วิธีที่จะสามารถสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้เดินหน้าได้ ท่ามกลางการทำ Hybrid work ดังนี้

1. สร้างสิ่งแวดล้อมที่สนับสนุนวัฒนธรรมองค์กร – การที่จะให้พนักงานได้เห็นการทำวัฒนธรรมองค์กรอย่างต่อเนื่องจำเป็นต้องมีกิจกรรมที่ต่อเนื่องเพื่อสนับสนุน แม้จะไม่สามารถเจอกันต่อหน้าได้ก็ตาม ยกตัวอย่างที่ McKinsey ที่เป็นองค์กรที่ปรึกษาระดับโลก จะมี Values Day ในทุกๆปี เพื่อที่จะให้พนักงานได้สร้าง Commitment หรือคำมั่นสัญญาว่าตนเองจะปฎิบัติตนอย่างไรให้สนับสนุนค่านิยมหรือวัฒนธรรมองค์กร ซึ่งนอกจากจะได้ให้คำสัญญากับตัวเองแล้ว ยังได้เห็นมุมมองของคนอื่นๆในองค์กรด้วย ซึ่งจะช่วยเป็นสิ่งแวดล้อมที่จะสนับสนุนให้พนักงานปฎิบัติตามแนวทางวัฒนธรรมขององค์กร นอกจากนี้ในกิจกรรมอื่นๆก็ยังสามารถสอดแทรกได้ เช่นในการประชุม การอบรม การประเมินผลงาน สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ควรนำวัฒนธรรมองค์กรไปใส่ไว้ด้วยทั้งสิ้น

2. เน้นไปในส่วนของทีม ในแต่ละทีมมักจะมีวัฒนธรรมการทำงานย่อย หรืออาจจะเรียกได้ว่า micro-culture กันอยู่แล้ว ซึ่งใน micro-culture เหล่านี้ควรมีความสอดคล้อง หรือไปในทิศทางเดียวกันกับวัฒนธรรมองค์กร ฉะนั้นควรจะต้องมีการสร้าง Team Charter หรือแนวการทำงานของทีมให้ชัดเจน เพื่อที่จะสร้างแนวปฎิบัติที่ชัดเจนสอดคล้อง อีกทั้งผู้นำในระดับต่างๆก็ควรต้องมีส่วนร่วมในการช่วยดูแลไม่ให้ micro-culture เหล่านี้มาเป็นปฎิปักษ์ต่อวัฒนธรรมองค์กรในภาพใหญ่เสียเอง ผ่านทางการติดตาม การ Feedback หรือการประเมินผลงานเป็นต้น

สุดท้ายแม้จะมีความเปลี่ยนแปลงขึ้นมากมายในโลกการทำงานยุคปัจจุบัน แต่วัฒนธรรมองค์กรจะยังคงเป็นส่วนหนึ่งในการทำงานของทุกองค์กร และสร้างผลกระทบต่อการทำงานโดยภาพรวมต่อผู้คนที่อยู่ในองค์กรร่วมกัน ซึ่งถ้าหากองค์กรจัดการได้ดี สร้างวัฒนธรรมที่เหมาะสมกับธุรกิจและคนในองค์กร วัฒนธรรมองค์กรก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยดึงรั้งสิ่งดี ๆ ทั้งผลงาน ทั้งบุคคลากรเอาไว้ให้อยู่กับองค์กรต่อไปได้ แต่ในทางกลับกันถ้าจัดการได้ไม่ดี วัฒนธรรมองค์กรก็จะเป็นสิ่งที่ป้องกัน รวมไปถึงคัดสิ่งที่ดี ๆ ออกไปจากองค์กรเช่นเดียวกัน ไม่ว่าองค์กรนั้นจะทำงานแบบ Onsite หรือ Hybrid ก็ตาม

Ref.

https://hbr.org/2021/08/let-your-top-performers-move-around-the-company

https://www.linkedin.com/business/talent/blog/talent-management/why-internal-mobility-needs-to-be-part-of-your-talent-strategy

https://hbr.org/2018/01/the-leaders-guide-to-corporate-culturehttps://hbr.org/2020/12/3-tenets-of-a-strong-remote-culture

https://hbr.org/2021/02/wfh-doesnt-have-to-dilute-your-corporate-culture

https://hbr.org/2020/12/3-tenets-of-a-strong-remote-culture

https://hbr.org/2020/04/build-a-culture-that-aligns-with-peoples-values

Culture in Action : The role of leaders in making culture perform by Gartner

Tag:
No items found.
Share this post:
วัฒนศักดิ์ วิบูลย์ชัยกุล

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024