>
พัฒนา Leader ในองค์กรของคุณอย่างไรในโลก Hybrid?
April 26, 2023

พัฒนา Leader ในองค์กรของคุณอย่างไรในโลก Hybrid?

ในปี 1996 คุณ Michael Lombardo และ Robert Eichinger ได้เขียนบทความแนะนำเรื่องการพัฒนาโดยใช้โมเดลที่เรียกว่า “70/20/10” เพื่อการเรียนรู้เป็นครั้งแรกบนหนังสือ The Career Architect Development Planner โดยระบุว่าเป็นแนวทางในการสร้างโมเดลการออกแบบการเรียนรู้และพัฒนา

โดยจำแนกประเภทของสัดส่วนในการเรียนรู้ของบุคคลหนึ่งคนออกเป็น % ต่าง ๆ เพื่อทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงที่สุดในการลงทุนเรียนการพัฒนาคน โดยที่มาของการจำแนกออกเป็นสัดส่วนลักษณะนี้นั้น มาจากการที่ทั้งคู่ได้ทำการสำรวจผู้บริหารกว่า 200 ชีวิตด้วยการให้แต่ละคนแบ่งแยกการเรียนรู้ของตัวเองออกมาว่าตัวเองเชื่อว่าได้รับเรียนรู้จากส่วนใดมากที่สุด ซึ่งผลการวิจัยออกมาดังนี้

> 70% ของการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ มาจากการได้รับการมอบหมายงานที่ท้าทาย

> 20% ของการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ มาจากการพัฒนาผ่านความสัมพันธ์

> 10% ของการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ มาจากการเรียนหนังสือแบบ classroom training หรือ การสอนจากอาจารย์

ต่อมาการนำเอา model 70/20/10 มาใช้มีการปรับปรุงให้เข้าใจง่ายมากขึ้น โดยใช้ 70 แรกนั้นจะมุ่งไปที่ job based learning หรือพูดง่าย ๆ คือ การเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติงานเป็นหลัก เช่น การสั่งงานที่มีรูปแบบ cross-functional หรือทำงานข้ามสายงาน เพื่อให้พนักงานมีโอกาสได้เรียนรู้นอกงานประจำมากยิ่งขึ้น ส่วน 20 นั้นคือการพัฒนาผ่านประสบการณ์ต่าง ๆ เช่นการ coaching, mentoring หรือการเอาเรื่องราวต่าง ๆ มาแบ่งบันกัน หรือแม้กระทั่งการให้ feedback เป็นต้น และ 10 สุดท้ายมาจาก course เรียนทั่วไปรวมถึงการเรียนผ่านระบบออนไลน์ และการอ่านหนังสือแบบ self-learning นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาโมเดล 70/20/10 ก็ได้รับการวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาหลายครั้ง เช่น การวัดผลจริง ๆ ได้อย่างไร? หรือแม้กระทั่งที่มาของผลวิจัยที่ไม่ครอบคลุมวงกว้างทั้งหมด และไม่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทั้งหมดอาจจะต้องนำไปปรับในบางส่วนก่อนนำไปใช้จริง เป็นต้น

ปี 2022 นับเป็นเวลา 26 ปีหลังจากที่ model 70/20/10 ได้ปรากฏสู่สายตาชาวโลก แน่นอนว่ายุคสมัยที่เปลี่ยนไป ผู้คนทำงานจากที่บ้านมากขึ้น องค์กรต่าง ๆ ปรับตัวเป็น hybrid work model มากขึ้น ดังนั้นการออกแบบการพัฒนา และการเรียนรู้จึงต้องปรับเปลี่ยนตามไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาผู้บริหาร หรือ leadership development ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่ได้เฉพาะเจาะจงแค่ผู้บริหารในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังหมายถึงบุคลากรที่มีศักยภาพสูงที่เตรียมจะก้าวขึ้นเป็นผู้บริหารในอนาคตด้วย โดยจากผลวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร California Management Review ฉบับที่ 63 เล่นที่ 4 ปี 2021 พบว่า หลังจากที่สภาพการทำงานเปลี่ยนไปเป็น virtual มากขึ้น พฤติกรรมต่าง ๆ ของ manager ก็มีการปรับเปลี่ยนไปเช่นกัน โดยผลการสำรวจพบเรื่องที่น่าสนใจเช่น บางคนหันไปให้ความสำคัญกับการทำงานให้เสร็จมากกว่าการสร้างความสัมพันธ์ในหน่วยงาน หรือระหว่างหน่วยงาน และเริ่มหาวิธีพัฒนาตัวเองให้มากขึ้น เป็นต้น ซึ่งสอดคล้องกับเรื่องราวที่อยากเล่าสู่กันฟังในวันนี้ตามหัวข้อคือ พัฒนา Leader ในองค์กรของคุณอย่างไรในโลก Hybrid?

Julian Birkinshaw, Maya Gudka และ Steve Marshall ได้ร่วมกันเขียนบทความให้กับ Harvard Business Review เดือน มิถุนายน 2022 ที่ผ่านมา โดยใช้การสำรวจยาวนานถึงสามปีเต็มในการหา data points เพิ่มเติมจากแค่ระบบ 70/20/10 ที่โด่งดังและแพร่หลาย โดยพวกเขาได้พบว่าแท้จริงแล้วการพัฒนา leader ควรจะประกอบไปด้วยการพัฒนาสามด้านด้วยกัน อันได้แก่

1. Sensemaking: คือการเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า องค์กรที่ตนเองทำงานอยู่นั้นมีวัตถุประสงค์อะไร มีกลยุทธ์อะไร ขายของอะไร ลูกค้าคือใคร หรือกล่าวคือ เข้าใจองค์กรตัวเองเสมือนหนึ่งคนก่อตั้งบริษัท รวมถึงทำความเข้าใจผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด

2. Experiment: คือการได้มีโอกาสในการทดลองเรียนรู้ แม้กระทั่งจากในห้องเรียนเอง โดยได้ลงมือทำเอง เจ็บเอง รวมถึงการได้รับฟังประสบการณ์ของการลงมือทำ ทั้งล้มเหลว และสำเร็จ จากเพื่อนร่วมงาน หรือจากประสบการณ์ตรง

3. Self-Discovery: คือการค้นหาตัวตนที่แท้จริงของตัวเราเองให้พบ ในสถานที่ทำงาน

และเมื่อนำเอาสามปัจจัยด้านบนมารวมเข้ากับ model 70/20/10 ก็สามารถทำออกมาเป็น model ได้ดังนี้

model 70/20/10

ความสำคัญของโมเดล ไม่ได้อยู่ที่การโฟกัสว่าอะไรจะเป็นสัดส่วนที่มากกว่ากัน แต่เป็นการเชื่อมโยงการเรียนรู้ระหว่างกันมากกว่า เช่น สมมติ เราส่งพนักงานท่านหนึ่งเข้าไปเรียนแบบ classroom training ปกติทั่ว ๆ ไป หากตีความตาม 70/20/10 ก็คือจะมีประสิทธิภาพ หรือสัดส่วนเพียงแค่ 10% เท่านั้น แต่ความเป็นจริงเราสามารถเชื่อมโยงไปที่ 70 ได้ เช่น ให้พนักงานท่านนั้นเอาโครงการที่นำเสนอใน workshop หรือสัมมนาต่าง ๆ มาทดลองทำจริง เป็นงานจริง ๆ หรือให้พนักงานท่านนั้นทำ knowledge sharing เพิ่มเติมกับเพื่อนร่วมงานในบริษัทก็ได้

ที่บริษัท HSBC ซึ่งเป็นธนาคารชื่อดังระดับโลก ได้มีการทดลองหยิบโมเดลการพัฒนาดังกล่าวไปใช้กับผู้จัดการระดับอาวุโสจำนวน 90 คน เป็นระยะเวลา 11 สัปดาห์ หรือประมาณ 3 เดือน โดยในช่วง 4 อาทิตย์แรก พวกเขาได้ทดสอบการพัฒนา sense-making โดยการใช้ zoom online meeting ในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับทิศทางของบริษัทในอนาคต รวมถึงเปิดช่วงเวลาให้ถามตอบระหว่างกัน และหลังจากนั้นจึงมี facilitators เข้าไปพบกับพนักงานตัวเป็น ๆ ตามหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้ช่วยกันสะท้อนความคิดเห็นจากสิ่งที่ได้รับ ผลปรากฏว่า มีผู้จัดการบางคนได้ใช้โอกาสในการเรียนรู้ดังกล่าว ส่งมอบ comment หรือข้อเสนอแนะที่มีประโยชน์อย่างมากในระหว่างการเรียน และสามารถสร้างวัฒนธรรมในการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้กระทั่งผู้จัดการบางท่านที่อาจไม่ได้ส่งเสียง หรือออกความเห็นมากนักในช่วงเวลาปกติ ก็ใช้ช่องทาง chat สนทนาอย่างไม่ขัดเขินแต่อย่างใด อีกทั้งการใช้กระบวนการแบบอัดวิดีโอแล้วส่งเป็นรูปแบบการเรียนรู้จากเวลาใดก็ได้ ก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ลงไปอย่างมาก และสามารถเปิดโอกาสให้พนักงานได้บริหารจัดการเวลาทำงานตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน

4 อาทิตย์หลัง พวกเขาเริ่มใช้กระบวนการ Experiment ในการพัฒนา โดยหยิบเอา comment ต่าง ๆ หรือ project ต่าง ๆ ที่ต้องนำมาใช้จริงมาเป็นบททดสอบการเรียนรู้ โดยแบ่งออกเป็นการทดลองทางธุรกิจ เช่น ผู้จัดการบางคนหยิบเอาเรื่อง internet process มาพัฒนาเพื่อใช้ติดต่อกับลูกค้า หรือการนำเอา digital tools มาเพื่อช่องทางการรับข้อร้องเรียนเป็นต้น และการทดลองเชิงผู้นำ เช่น ออกแบบการประชุมระหว่างหน่วยงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือกำหนดการทำ 1 on 1 check-in กับน้องของตัวเองให้มีการให้ feedback ที่เป็นเชิงบวกมากขึ้น เป็นต้น โดยทั้งหมดเกิดขึ้นผ่านระบบ online 100%  อย่างไรก็ตามผลการทดลองในครั้งนี้นั้น พบว่า การทำ Experiment บางครั้งเป็นไปอย่างยากลำบากในการประชุมแบบ Virtual เช่น การปรับปรุงรูปแบบการประชุม ที่ควรจะต้องมานั่งสนทนาระหว่างกันมากกว่า

ช่วงสามอาทิตย์สุดท้าย เป็นการสร้างกระบวนการ Self-Discovery ซึ่งค่อนข้างตรงไปตรงมา คือจัดให้มี coaching session กับผู้บริหาร สองอาทิตย์ครั้ง และมีการติดตามผลการเรียนรู้แบบตัวต่อตัว ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้มาค่อนข้างเป็นไปในทิศทางที่ดีคือ ผู้จัดการบางคนเริ่มคุ้นเคยกับการพัฒนาผ่านระบบออนไลน์ และเชื่อว่ามีประสิทธิภาพเทียบเคียงกับโลกในแบบเดิม และเริ่มปรับตัวกับการเรียนรู้ในลักษณะทางไกลมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น meeting online หรือการเรียนรู้ผ่าน video call เป็นต้น

อย่างไรก็ตามหากเราจะนำโมเดลดังกล่าวมาใช้ มีข้อเสนอแนะบางประการที่อยากให้พึงระวังก่อนหยิบไปใช้ทั้ง ๆ แบบต้นฉบับเลย เช่น การปรับระยะเวลา หรือการนำเอาการเรียนรู้ใส่ลงไปใน “งานประจำ” ที่พวกเขาต้องทำอยู่แล้วเป็นต้น

ผมลองออกแบบการเรียนรู้โดยอ้างอิงจากโมเดลดังกล่าว เพื่อเป็นตัวอย่างให้เพื่อนสมาชิกได้นำไปประยุกต์ใช้กันดังนี้

กิจกรรมการพัฒนาภาวะผู้นำ
หัวข้อ กิจกรรม ระยะเวลา รายละเอียด
Sense-Making CEO Meet Future Leader 1-3 วัน CEO ชี้แจงกลยุทธ์ของบริษัท พร้อมขอข้อเสนอแนะจาก leader ทุกหน่วยงาน
Closing the Business Gap Clinic ข้ามหน่วยงาน 1-5 วัน ให้หน่วยงานสำคัญ เช่น บัญชี การเงิน หรือ HR ออกมาเล่าเรื่องกระบวนการสำคัญ พร้อมขอความช่วยเหลือจาก leader ที่เกี่ยวข้อง
Business Share Table สรุปไอเดียร่วมกัน 1 วัน หัวหน้าหน่วยงานแต่ละฝ่ายมารวมกันเพื่อนำไอเดียจาก workshop มาวิเคราะห์และต่อยอดเป็นแนวทางพัฒนาองค์กร
Experiment ทดลองใช้ไอเดียจริง 1 เดือน ให้ team lead นำไอเดียไปทดลองใช้จริง เช่น ฝ่าย Logistic ทดลองใช้ digital tools บริหาร supply chain
Fail / Win Statement Day ประกาศผลการทดลอง 1 วัน วันสรุปชัยชนะหรือความล้มเหลว เพื่อนำมาเป็นความรู้ต่อยอดร่วมกัน
Self-Discovery Coaching 1:1 1 เดือน ในช่วงทดลองงาน มีผู้บริหารเข้า coaching แบบรายบุคคลกับ team lead เพื่อติดตามผลการเรียนรู้
Check-in and Feedback สรุปผลจากหน่วยงาน 1 เดือน ทีมงานนัด feedback กับหน่วยงานเพื่อสะท้อนการเรียนรู้และเตรียมข้อมูลแลกเปลี่ยนในวัน Fail / Win Statement Day

อ้างอิง

What Leadership Development Should Look Like in the Hybrid Era (hbr.org)

70/20/10 Model (Learning and Development) - Wikipedia

Tag:
No items found.
Share this post:
ภคภัค สังขะสุนทร

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024