แบมแบม GOT7 ลิซ่า Blackpink ศิลปินเชื้อชาติไทยในวงเกาหลีที่โด่งดังระดับโลก และทอม ฮอลแลนด์ นักแสดงที่รับบทสไปเดอร์แมนคนล่าสุดทั้งหมดอายุ 22 ปี และเกิดใน เจเนอเรชั่น Z หรือ GEN Z ที่เกิดในช่วงระหว่างปี 2540 -2555 และปัจจุบันมีอายุระหว่าง11 - 26 ปี พวกเราอาจไม่รู้ว่า GEN Z เป็นกลุ่มช่วงอายุที่มากที่สุดในโลก ซึ่งมีจำนวนถึง 32%ของประชากรโลกทั้งหมด
พนักงาน GEN Z
โตมากับโลกยุคดิจิตอล GEN Z เกิดมาพร้อมกับ Wifi และ Internet จะ Downloadข้อมูลอะไรใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาไม่เหมือนสมัยก่อนที่อาจจะใช้เวลาหลักวันในการ Download ข้อมูลขนาดเดียวกัน มี Google เป็น Search Engine อยากหาข้อมูลอะไรก็สามารถหาได้โดยไม่ต้องไปที่ห้องสมุดเปิดหนังสือกองโตไม่นับรวมกับการเข้าถึง Online Application ที่เติบโตมาพร้อมกับพวกเขา ทำให้ GEN Z ไม่เข้าใจการทำงานแบบ Analog งานเอกสารและสามารถปรับตัวเข้ากับการทำงานแบบ Digitalได้ดีกว่า Generation อื่นๆ
โตมากับความหลากหลาย GEN Z มีความคุ้นเคยกับความหลากหลายทั้งเรื่องเพศ เชื้อชาติ ความชอบ และสไตล์ส่วนตัวของแต่ละคนเพราะฉะนั้นเขาไม่สนใจว่าหัวหน้า เพื่อนร่วมงาน รวมถึงคู่ชีวิตของเขาจะเป็นเพศอะไร เชื้อชาติอะไร สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะ GEN Z เกิดมาพร้อมกับโลกไร้พรมแดน คุ้นเคยกับการเข้าถึงข้อมูล โลกของ GEN Z จึงเข้าใจว่าความจริงไม่ได้มีแค่สิ่งเดียว เพศไม่ได้มีแค่ 2 เพศเขาจึงมองหาองค์กรที่มีความชัดเจนในเรื่องการดูแลคนที่มีความแตกต่างกันได้อย่างเป็นรูปธรรม
โตมากับความคิดก้าวหน้า ภาพเยาวชนออกมาเดินขบวนประท้วงทั่วโลกการรณรงค์เรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การแบนเรื่องของทรงผมและความอยากที่จะแต่งชุดไปรเวทไปโรงเรียนในประเทศไทยเป็นสิ่งที่ทำให้เราเห็นภาพได้ชัดว่า GEN Zเป็นช่วงวัยที่มีคำถามและต้องการคำตอบ อะไรที่เขาคิดว่าไม่เป็นเหตุเป็นผล เขาก็พร้อมที่จะแสดงออกให้คุณค่ากับวิทยาศาสตร์ การให้เหตุผล มากกว่าความรู้สึกหากจะนำจุดแข็งนี้มาใช้กับองค์กร องค์กรควรจะเตรียมสภาพแวดล้อมให้ GEN Z แสดงออก เกิดความคิดสร้างสรรค์ และสิ่งใหม่ๆแก่องค์กร
การต้อนรับน้องใหม่ GEN Z เข้ามาในองค์กรจึงควรให้ความสำคัญกับการจัดสภาพแวดล้อมที่เปิดโอกาสให้กับความคิดสร้างสรรค์และส่งเสริมการพัฒนาทักษะใหม่ๆ การเปิดรับเทคโนโลยีที่ทันสมัยรวมถึงการบริหารความสมดุลในชีวิตส่วนตัวกับชีวิตการทำงานให้กับพนักงานองค์กรจึงควรที่จะเตรียมความพร้อม เช่นมีพี่เลี้ยงที่เข้าใจเรื่องการทำงานกับคนรุ่นใหม่และทำความเข้าใจกับคนต่างรุ่นในองค์กรให้เข้าใจความแตกต่างของคนแต่ละช่วงวัยแม้ว่าผู้เขียนเองจะไม่ค่อยเชื่อเรื่องลักษณะจำเพาะหรือนิสัยเฉพาะของคนแต่ละ Generation ซักเท่าไร แต่ตัวอย่างที่ยกมาพูดถึงก็น่าจะเป็นรูปธรรมและเป็นความจริงที่สามารถอธิบายได้ในส่วนขององค์กรเองก็ไม่ควรไปดูแล Generationไหนเป็นพิเศษจนลืมไปว่าจะต้องดูแลคนในองค์กรอย่างเหมาะสมตามความต้องการของแต่ละคนไม่ว่าจะอยู่ในGeneration ใดก็ตาม
ในอดีตเราเคยมีวาทกรรมหนึ่งที่เคยบอกว่าเด็ก GEN Y ควบคุมยาก เอาแต่ใจ จะเป็นปัญหาขององค์กรพอผ่านเงื่อนไขของเวลามาระยะหนึ่ง และคน GEN Yเริ่มเติบโตและก้าวขึ้นเป็นผู้บริหารขององค์กร ผมเชื่อว่าเราพบข้อเท็จจริงว่าคนที่เป็นปัญหาขององค์กรมีทุก Generationไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของ GEN แต่อย่างใด บางคนเกิดจากนิสัยส่วนตัวบางคนก็เกิดจากการบ่มเพาะขององค์กรที่ไม่ดีเพียงพอ มีหัวหน้าที่ไม่ดีนอกจากไม่สอนงานแล้วยังปลูกทัศนคติที่ไม่ดีให้ หรือองค์กรจับเอาลิงไปว่ายน้ำไม่ตระหนักถึงศักยภาพและได้เติบโตบนจุดแข็งของแต่ละคน การนำคนต่าง Generation ที่มีการเติบโต การเรียนรู้ ประสบการณ์แตกต่างกันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การใช้จุดแข็งของแต่ละ Generation ก็มีข้อดีและจุดแข็งที่น่าจะเป็นประโยชน์เพื่อส่งเสริมความหลากหลายและสร้างวัฒนธรรมที่สนับสนุนการเรียนรู้และการเติบโตของพนักงานทุกคนในองค์กร องค์กรควรให้ความสำคัญและเตรียมสภาพแวดล้อมให้เอื้ออำนวยกับการทำงานของคนต่าง GEN ตามหลักการต่อไปนี้
1.สร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้างและสนับสนุนความหลากหลายองค์กรควรสร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดโอกาสให้แก่ทุกคนไม่ว่าจะอายุเพศ เชื้อชาติ ใด ๆ ในการเข้าร่วมหน่วยงานทีมงาน และโอกาสในการพัฒนาอาชีพ กำหนดนโยบายที่เปิดกว้างเรื่องการรับคนที่หลากหลายและการบริหารคนที่หลากหลาย
2.ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาองค์กรควรส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทักษะของพนักงานทุกคน โดยเสริมสร้างโอกาสในการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อความต้องการของแต่ละบุคคลในกลุ่มงานให้สมาชิกทุกคนในทีม เข้าร่วมอบรม สัมมนา หรือโปรแกรมพัฒนาที่เหมาะสม
3.การสร้างความสัมพันธ์และความสามัคคี การสร้างทีมที่มีความสามัคคีและความเข้าใจกันส่งผลให้การทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น องค์กรควรส่งเสริมความสามัคคีในทีมผ่านกิจกรรมที่ให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมและมีโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์กันเปิดโอกาสให้ทุกคนมีพื้นที่ได้พูด ได้แสดงออก
แต่ละ Generation มีความรู้และประสบการณ์ที่แตกต่างกัน GEN Z มีความรู้เรื่องเทคโนโลยีเข้าใจเทคโนโลยีได้ด้วยเวลาไม่นานในขณะที่กลุ่มคนที่มีประสบการณ์มากกว่า มีความเข้าใจธุรกิจในเชิงลึกสามารถแบ่งปันและเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้คนที่มีประสบการณ์มากกว่าก็เคยพบทั้งความสำเร็จและล้มเหลวก็ช่วยในการให้มุมมองและสร้างทัศนคติที่ดีกับคนรุ่นใหม่ได้ รวมถึงการให้คำแนะนำและการพัฒนาเพื่อเตรียมความพร้อมในการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตในสายอาชีพ
การมีคนหลายๆ Generation ทำงานร่วมกันจึงเป็นประโยชน์กับองค์กรมากกว่าการพยายามแบ่งคนกลุ่มวัยเดียวกันอยู่ในทีมเดียวกันการมีความหลากหลายช่วยสร้างความคล่องตัวในการเผชิญกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วช่วยให้องค์กรมีความคิดที่ยืดหยุ่นมากขึ้น และทำให้เกิดการสร้างนวัตกรรมและความคิดใหม่ๆไม่ว่าเราจะเป็นผู้บริหารหรือพนักงานใน Generation ใดก็ตามจึงควรเปิดใจรับความแตกต่าง รับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์และการสร้างองค์กรของเราให้ยั่งยืนต่อไป
ที่มา
Pros &Cons of a Multi-Generational Workforce - My Careers Future
Multi-generational,diverse, resilient: the key to a thriving workforce of the future - OECD
How does HRbalance the needs and expectations of different generations in the workforce? -Linkedin
Gen Z isunhappy: 5 ways HR can create the EX young workers are craving - HR Executive
Welcomingthe Future of Work with Gen Z - Adecco
4 Tips forManaging a Multigenerational Workforce, From Boomers to Gen Z - Bamboo HR