>
การบริหารทุนมนุษย์เพื่อสร้างนวัตกรรมและศักยภาพในการแข่งขัน
October 13, 2020

การบริหารทุนมนุษย์เพื่อสร้างนวัตกรรมและศักยภาพในการแข่งขัน

IMD เป็นหน่วยงานที่ศึกษาเปรียบเทียบระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่างๆ ในรายงาน IMD World Competitiveness Ranking 2017 ได้จัดอันดับ 63 เขตเศรษฐกิจทั่วโลก พบว่าระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยอยู่ที่อันดับ 27 ของโลก ดีขึ้นกว่าปีก่อนที่อยู่อันดับ 28 เศรษฐกิจของไทยอยู่ในกลุ่มรายได้ปานกลาง (Middle Income Tier) ถ้าจะเพิ่มระดับให้สูงกว่านี้จำเป็นต้องปรับบทบาทจากผู้ซื้อเทคโนโลยีมาเป็นผู้สร้างนวัตกรรม เหมือนเช่นประเทศชั้นนำในเอเชีย คือ ญี่ปุ่น เกาหลี และ สิงคโปร์ ที่ได้รับการจัดให้อยู่ในกลุ่ม Innovation-Driven Economies

อีกหน่วยงานที่จัดทำรายงานวิเคราะห์ระดับความสามารถในการแข่งขันระหว่างประเทศเช่นกัน คือ World Economic Forum (WEF) ซึ่งจากรายงาน WEF Global Competitiveness Index 2017 ที่ได้มีการจัดอันดับ 138 เขตเศรษฐกิจทั่วโลกพบว่าระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยอยู่ในระดับปานกลางเช่นกัน คือ อันดับ 34 ของโลก ลดลงจากปีก่อนที่อยู่อันดับ 32 โดยมีกลุ่ม (Cluster) ที่ต้องยกระดับขีดความสามารถ คือ ด้านประสิทธิภาพของการทำธุรกิจ และด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม  

การลงทุนวิจัยและพัฒนา (Research & Development) ของไทยยังมีสัดส่วนที่น้อย เมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว ตามรายงานของสภาวิจัยแห่งชาติระบุตัวเลขการลงทุนในปี 2557 อยู่ที่ประมาณ 0.4% ของ GDP ปัญหาหลักไม่ใช่เรื่องงบลงทุนน้อยเท่านั้น แต่เป็นการขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานสำหรับงานวิจัยทั้งด้านจำนวนนักวิจัย คุณภาพของบุคลากร และแหล่งอุตสาหกรรมสำหรับการผลิตต้นแบบที่สามารถตอบสนองงานวิจัยในแต่ละสาขาได้ แนวทางที่เน้นให้บริษัทขนาดใหญ่ลงทุนกับงานวิจัยผ่านสิทธิพิเศษด้านภาษี อาจก่อให้เกิดการเป็นเจ้าตลาดเพียงรายเดียวในสินค้าบางประเภท และขาดความหลากหลายทางพันธุกรรมของงานวิจัย ซึ่งจะลดทอนการเกิดงานวิจัยใหม่ๆ ไปด้วย

นวัตกรรมมีความสำคัญมากต่อศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ นวัตกรรม คือการใช้ความรู้ ทักษะประสบการณ์ และความคิดสร้างสรรค์ ในการพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี การประกอบการ หรือการตลาด เพื่อสร้างหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ บริการใหม่ หรือกระบวนการใหม่ ที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้ตัวสินค้าหรือบริการ นวัตกรรมมีความจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศแบบยั่งยืน เนื่องจาก

1. นวัตกรรมจะผลักดันให้มีการเติบโตของผลิตภัณฑ์หรือการบริหารจัดการในระยะยาว และสร้างความสามารถในการแข่งขันในอนาคต

2. นวัตกรรมช่วยสร้างความได้เปรียบเชิงธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการได้สิทธิพิเศษในการขอรับเงินสนับสนุนจากภาครัฐบาล การเป็นผู้นำในกลุ่มของตลาดนั้นๆ และผลประโยชน์ในการขายหรือให้เช่าสิทธิบัตร

3. นวัตกรรมทำให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจและสร้างความเป็นอยู่ในสังคมให้ดีขึ้น

ไม่มีประเทศใดจะก้าวไปสู่ความมั่งคั่งและยั่งยืนได้โดยไม่ให้ความสำคัญกับการวิจัยและนวัตกรรม บทเรียนที่น่าสนใจคือ เกาหลีใต้ เมื่อปี 2503 เกาหลีใต้เป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดของโลกโดยมี GDP ต่อหัวอยู่ที่ US$79 ต่ำกว่าประเทศในแอฟริกาและลาตินอเมริกา ในช่วงปี 2535-2540 รัฐบาลสนับสนุนให้มีการจัดตั้งโรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็กจำนวนมาก ทั้งโรงงานออกแบบ/ผลิต วงจรไฟฟ้าต่างๆ โรงกลึง/หล่อโมลด์ /โรงงานผลิตขึ้นรูปพลาสติก ฯลฯ โรงงานเหล่านี้เป็นรากฐานสำคัญ เพราะสามารถผลิตสินค้าต้นแบบ แม้แต่ชิ้นเดียวก็ผลิตให้กับอุตสาหกรรมต่างๆ หรือให้กับบริษัทวิจัยเล็กๆ รายย่อย ที่กำลังพัฒนาสินค้าของตนเอง ซึ่งบริษัทเล็กๆ เหล่านี้ไม่สามารถหาซื้อเครื่องมือราคาแพง หรือจ้างพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญได้ และนั่นทำให้การพัฒนาของเกาหลีใต้เติบโตอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับญี่ปุ่นที่ได้เกิดขึ้นไปก่อนหน้านั้น วันนี้ เกาหลีใต้มี GDP ต่อหัวอยู่ที่ US$13,300 จัดเป็นประเทศที่ร่ำรวยอันดับที่ 12 ของโลก หนึ่งในวิสัยทัศน์สำหรับอนาคตหรือ Korea Vision 2030 คือ แผนการพัฒนาทุนมนุษย์ (Human Capital Development) เพื่อช่วยนำประเทศไปสู่เป้าหมาย Green Technology High-Tech Convergence และ Value Added Services

รายงาน WEF Human Capital Index (HCI) 2015 ที่ได้จัดลำดับการพัฒนาทุนมนุษย์ (Human Capital Index) ของโลกจากทั้งหมด 124 ประเทศ พบว่า ฟินแลนด์เป็นอันดับ 1 ญี่ปุ่นอันดับ 5 ส่วนประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 57 ฟินแลนด์มีมาตรการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึงและมีการพัฒนาทักษะการฝึกอบรมในทุกกลุ่มอายุตรงตามความต้องการของภาคธุรกิจ ในขณะที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศตัวอย่างของการพัฒนาทักษะความรู้ให้กับประชากรสูงวัย ส่วนคุณภาพการศึกษาของไทยเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศต่างๆ ใน ASEAN 10 ประเทศ พบว่าอยู่ในอันดับที่ 7 โดยมีข้อสังเกตว่าสัดส่วนงบประมาณการศึกษาของไทยต่องบประมาณรวมเพิ่มขึ้น 3 เท่า ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา และสูงที่สุดใน ASEAN แต่ส่วนใหญ่เป็นงบเงินเดือนครูประมาณ 70% ของงบประมาณทั้งหมด และจุดอ่อนที่สำคัญอีกประการคือ ระบบการศึกษาของไทยยังขาดความเชื่อมโยงเรื่องการเรียนและการพัฒนาทักษะที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน

การพัฒนาทุนมนุษย์ (Human Capital Development) ในระดับองค์กร คือการปรับเปลี่ยนจากงานจัดการทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Management) สู่งานบริหารทุนมนุษย์ (Human Capital Management) โดยมองการใช้บุคลากรเสมือนกับการบริหารการลงทุน บุคลากรในองค์กรไม่ได้เป็นเพียงทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไปซึ่งอาศัยเพียงการจัดการเพื่อประโยชน์สูงและประหยัดสุดเท่านั้น แต่บุคลากรเป็นสินทรัพย์ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ (Value added) ผ่านทางการฝึกอบรมและเสริมสร้างประสบการณ์ ทั้งในเรื่องความรู้ ทักษะความชำนาญในงานและการปรับทัศนคติ ทำให้สามารถยกระดับศักยภาพ และขีดความสามารถในการปฏิบัติงานและคิดค้นสิ่งใหม่ๆ

การบริหารทุนมนุษย์ (Human Capital Management) เพื่อสร้างนวัตกรรมขององค์กรที่ประสบความสำเร็จ มีความแตกต่างกันในเรื่องของหลักการบริหารจัดการ การออกแบบสภาพแวดล้อมในการทำงาน และวัฒนธรรมองค์กร ตัวอย่างเช่น

> Samsung สามารถเข้ามาสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดของผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ระดับโลก เพราะเชื่อมั่นต่อการสร้างนวัตกรรมและให้ความสำคัญกับการปรับปรุงและพัฒนาทุนมนุษย์อย่างต่อเนื่อง การสร้างนวัตกรรมในองค์กรของ “ซัมซุง” นั้นเริ่มต้นจากการกำหนดให้การสร้างนวัตกรรมกลายเป็นค่านิยมร่วม (Common Value) ของพนักงานและเป็นวัฒนธรรม (Culture) ขององค์กรในที่สุด มีการจัดตั้งทีมพัฒนานวัตกรรมที่ประกอบไปด้วยบุคลากรที่มีลักษณะและแนวความคิดที่แตกต่างกันเข้ามาทำโครงการต่างๆ

> Honda Robotics มีการให้เครื่องมือ งบประมาณ และกำลังคน เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว สนับสนุนให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ แสวงหาความคิดนอกกรอบ กล้าทดลอง นำไปสู่นวัตกรรมใหม่ๆ Honda Robotics ยังสนับสนุนพนักงานโดยมอบอำนาจเด็ดขาด (Empowerment) สามารถดำเนินงานได้อย่างอิสระ ตัดสินใจได้เอง ทำให้นำไปสู่ความคิดสร้างสรรค์ เช่น สามารถผลิตหุ่นยนต์ ASIMO ที่ทำงานได้คล้ายมนุษย์

> Google ใช้การออกแบบสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ช่วยสร้างบรรยากาศให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ได้ตลอดเวลา (Innovative Workplace) ช่วยให้พนักงานมีอิสระในการใช้ความคิด มีบรรยากาศของการทำงานเป็นทีม รวมถึงสร้างวัฒนธรรมการยอมรับความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ใน “Googleplex” บุคลากรแต่ละคนมี “เต็นท์” ส่วนตัวที่มีขอบเขตของแต่ละคน แต่ใช้วัสดุโปร่งใสทำให้บุคลากรแต่ละคนรู้สึกถึงความเป็นอิสระในการทำงาน แต่ก็ยังพบปะพูดคุยหรือการสบสายตาในลักษณะ “Eye Contact” ที่ทำให้บุคลากรรู้สึกเสมือนตนเองเป็นส่วนหนึ่งของทีมงานอยู่ตลอดเวลา นอกจากนั้นการดีไซน์เครื่องตกแต่งในสำนักงานให้เป็นลักษณะสตูดิโอที่มีผนังและประตูเป็นอะคริลิกโปร่งใส ให้ความรู้สึกทั้งเป็นส่วนตัว และเปิดรับต่อ Idea ภายนอกพร้อมๆ กัน

> IKEA ผลิตสินค้าโดยกำหนดราคาขึ้นมาก่อน แล้วจึงวางแผนการผลิตให้สินค้ามีคุณภาพและดีไซน์สวยงามตามมา โดยอาศัยหลักสำคัญ 3 ประการคือ 1) การตัดอะไรที่ไม่จำเป็นออก (Minimalism) 2) การออกแบบโดยคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก (Functionalism) และ 3) สินค้าสามารถแยกเป็นชิ้นส่วนได้และให้ลูกค้านำไปประกอบเอง หรือ ‘Flat Packaging’ วัฒนธรรมการทำงานของ IKEA เน้นที่ค่านิยม 3 ประการ คือ 1) การไม่มีลำดับสูงต่ำ (Hierarchy) คนทำงานทุกคนจะถือเป็น “ผู้ร่วมงาน” หรือ “Co-worker” เหมือนกัน ไม่มีการแบ่งแยกเพศ เชื้อชาติ ศาสนา 2) ความไม่ถือตัว (Humbleness) ลูกน้องไม่จำเป็นต้อง “ยำเกรง” เจ้านาย ทำให้มีบรรยากาศการทำงานที่สบายๆ หัวหน้าและลูกน้องมีความใกล้ชิดกัน ไม่ต้องมีการประจบเอาใจ และ 3) การทำงานที่เปิดเผย (Openness) ทุกคนสามารถคุยกันอย่างเปิดอก แสดงความเห็นได้อย่างเต็มที่ ผลดีของค่านิยมทั้ง 3 ประการ เป็นจุดดึงดูดทำให้คนเก่งๆ อยากมาร่วมงานด้วย และทำให้ทุกคนต่างกล้าที่จะเสนอแนวคิดใหม่ๆ (Initiative) ออกมา โดยไม่ต้องเกรงกลัวว่าจะทำผิดพลาด เพราะที่นี่ถือว่าความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ นอกจากนี้ IKEA จะมีการระบุในสินค้าแต่ละ Collection ว่าใครคือ Designer นอกจากจะเป็นการให้เครดิตผู้ออกแบบ ทำให้ผู้ทำงานเกิดความภาคภูมิใจแล้ว ยังทำให้ผู้ซื้อรู้สึกว่าตนกำลังซื้อสินค้ามีคุณภาพ

นอกเหนือจากการจัดสภาพแวดล้อมในการทำงานและการมีวัฒนธรรมองค์กรที่ดีแล้ว ยังต้องอาศัยการสร้างกระบวนการคิดพื้นฐานในระดับบุคลากรเพื่อนำไปสู่การสร้างนวัตกรรม เช่น บริษัท 3 M จะประกอบด้วย 6 ขั้นตอน คือ สร้างแนวคิด คัดเลือกแนวคิด ศึกษาทางเลือก คัดเลือกผลิตภัณฑ์ ทดลองตลาด และพัฒนาต่อเนื่อง

1. สร้างแนวคิด - องค์กรต้องสนับสนุนให้พนักงานมีเวลาอย่างน้อย 15% ของเวลางานทั้งหมดในการทำโครงการต่างๆ ที่ตนเลือก นอกจากนั้นยังต้องสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เอื้อต่อการสร้างนวัตกรรม เช่น ส่งเสริมให้กล้าเสี่ยง และยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น รวมถึงให้รางวัลจากความสำเร็จที่ได้

2. คัดเลือกแนวคิด – แนวคิดที่เหมาะสมจะนำมาต่อยอดจะต้องตรงตามแนวคิดหลักที่ไม่เคยมีมาก่อนและตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งาน ซึ่งความต้องการนั้นต้องพิสูจน์ได้ว่ามีอยู่จริง

3. ศึกษาทางเลือก - ความเป็นไปได้ต่างๆ ในการทำตลาดสินค้าที่เกิดจากแนวคิดดังกล่าว โดยอาจสร้างตัวอย่างสินค้าหลากหลายรูปแบบออกมาก่อน

4. คัดเลือกผลิตภัณฑ์ - เลือกรูปแบบที่มีศักยภาพที่สุดเพื่อนำไปพัฒนาเป็นสินค้าต้นแบบ

5. ทดลองตลาด – การแจกสินค้าตัวอย่างให้ผู้บริโภคทดลองใช้เช่น กระดาษ post-it

6. พัฒนาต่อเนื่อง – ใช้เสียงตอบรับจากผู้บริโภคที่ทดลองสินค้ามาปรับปรุงสินค้าต้นแบบให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด

การบริหารทุนมนุษย์เพื่อสร้างนวัตกรรมและศักยภาพในการแข่งขัน ไม่ใช่งานของผู้บริหาร หรือ HR แต่เป็น งานของทุกฝ่าย องค์กรที่ประสบความสำเร็จด้านการสร้างนวัตกรรม พนักงานจะต้องมี Discovery Skill มากกว่า พนักงานในองค์กรทั่วไปที่มีเพียง Delivery Skill ซึ่งจะช่วยสร้างความแตกต่าง ทำให้องค์กรสามารถ อยู่รอด อยู่ต่อไป และอยู่ต่อเนื่อง ภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันรุนแรงเช่นในปัจจุบัน

Tag:
No items found.
Share this post:
ดร.ณัฐวุฒิ พงศ์สิริ

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024