สิ่งหนึ่งที่เราเรียนรู้จากแนวทางการพัฒนาขีดความสามารถของประเทศชั้นนำเหล่านี้ก็คือ การพัฒนาขีดความสามารถนั้นจำเป็นต้องทำสองอย่างควบคู่กันไปได้แก่ (1) การสร้างความเป็นอยู่ที่ดี (Wellbeing) เพื่อให้ประชากรในประเทศได้มีโอกาสแสดงขีดความสามารถอย่างเต็มศักยภาพ และ (2) การดึงดูดแรงงานที่มีทักษะ ซึ่งเป็นที่ต้องการของประเทศเข้ามาทำงานเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างนวัตกรรม
ภายหลังการประชุม World Economic Forum (22 -26 พฤษภาคม 2565) ที่ประชุมได้เผยแพร่ แนวคิดหลักทางยุทธศาสตร์ ซึ่งมีชื่อว่า Good Work Framework เพื่อให้องค์กรและหน่วยงานทุกภาคส่วนได้ใช้เป็นกรอบกำหนดแนวทางการบริหารทุนมนุษย์ โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้
1. ส่งเสริมความเป็นธรรมในการจ่าย และ ความเท่าเทียมในสังคม Promote Fair Pay & Social Jxcustice
2. สร้างระบบที่เอื้อและปกป้องผู้ด้อยโอกาส Provide flexibility and protection
3. ให้ความสำคัญกับสุขภาวะและความเป็นอยู่ที่ดี Deliver on health & wellbeing
4. ผลักดันให้เกิดการยอมรับหลากหลายอย่างเท่าเทียมกัน Drive Diversity, Equity and Inclusion
5. สร้างสิ่งแวดล้อมที่ทำให้คนเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง Foster Employability & learning culture
เมื่อมองย้อยกลับมาในระดับองค์กร หรือ หน่วยงาน สิ่งที่เราเรียนรู้จากยุทธศาสตร์ชาติของประเทศชั้นนำเหล่านั้น ก็ไม่แตกต่างกัน กล่าวคือ องค์กรที่ให้ความสำคัญกับการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ดังนั้นองค์กรควรปรับความคิดจากเดิมที่มองว่า สวัสดิการเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานคือค่าใช้จ่าย (cost) เพราะในความเป็นจริงแล้ว คือการลงทุน (investment) ต่างหาก
ในช่วงที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ระยะสองสามปีที่ผ่านมา L&D ได้รับการยกระดับความสำคัญขึ้นมาอย่างเด่นชัน จนถือเป็นหน่วยงานด้านยุทธศาสตร์ที่สำคัญหน่วยงานหนึ่งที่องค์กรจะมองข้ามไม่ได้ ซึ่งหากเราพิจารณาจาก ลำดับขั้นความพึงพอใจ ตามทฤษฎีของมาสโลว์ ที่ระบุว่า ลำดับขั้นความต้องการตั้งแต่ระดับแรกสุด คือ ปัจจัยแห่งการดำรงชีวิต ซึ่งหมายถึงเงินเดือน สวัสดิการค่าตอบแทนในกรณีการทำงาน ไล่ขึ้นมาจนถึงความต้องการที่จะได้รับความปลอดภัย ได้ทำงานที่มีคุณค่า เต็มความสามารถ และสร้างประโยชน์ต่อผู้อื่น ต่างเป็นผลของการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพทั้งสิ้น
การยกระดับบทบาทของหน่วยงาน L&D นั้น เกิดขึ้นพร้อมกับความคาดหวังที่สูงมากขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะผู้นำองค์กรต่างคาดว่า L&D จะมีส่วนสำคัญในการผลักดันประเด็นยุทธศาสตร์ให้เกิดผล ไม่ใช่เป็นเพียงหน่วยงานซึ่งจัดหลักสูตรให้คนเรียนรู้ และพอใจเพียงแค่ผลสะท้อนว่าหลักสูตรดี สถานที่สะดวกสบาย บรรยากาศในห้องเรียนสนุกสนาน หากแต่คาดหวังว่า L&D จะมีส่วนสำคัญในการสร้างขีดความสามารถให้องค์กรอย่างไร
แนวคิดของ Josh Bersin ซึ่งแบ่งพัฒนาการบทบาทของ L&D ในองค์กรออกเป็น 4 ระดับสะท้อนความคาดหวังที่กล่าวข้างต้นได้เป็นอย่างดี โดย Josh Bersin ได้ชี้ให้เห็นพัฒนาการในระดับดังนี้
ขั้นที่ 1 การจัดการเรียนรู้เท่าที่จำเป็น Incidental Training & Job Preparedness
ขั้นที่ 2 การสร้างระบบเรียนรู้ที่มีมาตรฐาน Training & Development Excellence
ขั้นที่ 3 การเชื่อมโยงการเรียนรู้เข้ากับการบริหาร Talent และการยกระดับงาน Talent & Performance Improvement
ขั้นที่ 4 การเรียนรู้ คือยุทธศาสตร์หลักในการสร้างขีดความสามารถให้กับองค์กร Organization Capability Building
องค์กรไม่จำเป็นต้องวางระบบเพื่อมุ่งสู่ระดับ 4 ทั้งหมด ซึ่งพัฒนาการระดับไหนที่เหมาะสมก็ขึ้นอยู่กับ บริบทขององค์กร แต่ไม่ว่าองค์กรจะมีขนาดใหญ่ หรือเล็ก เป้าหมายสำคัญที่ L&D ควรยึดถือเพื่อให้ L&D เป็นหน่วยงานที่มีส่วนในการผลักดันยุทธศาสตร์องค์กรอย่างแท้จริง ได้แก่
1. L&D จะมีส่วนในการสนับสนุน Business Transformation ได้อย่างไร
2. L&D จะมีส่วนในการบ่มเพาะ เร่งความพร้อมผู้นำเพื่อให้องค์กรมี Healthy Leadership Pipeline และ ส่งเสริม Personal Growth ได้อย่างไร
3. L&D จะมีส่วนในการทำให้พนักงานมี Holistic Wellbeing อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่รู้สึกปลอดภัยทั้งทางร่างกายและจิตใจ (Psychological Safety) ตลอดจนจะมีส่วนในการเสริมสร้างวัฒนธรรมที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์และเป้าประสงค์ขององค์กรได้อย่างไร
เนื้อหาบางส่วนจาก การสัมมนาในงาน THAILAND LEARNING AND DEVELOPMENT FORUM 2022: The Future Journey of Platform, Technology and People Development@21-22 JULY 2022