หลักการทำงานของระบบ AI ที่เราพบเห็นในปัจจุบันถูกพัฒนาให้รุดหน้าอย่างเห็นได้ชัด จากการที่เราเห็นกระแสของ ChatGPT ของ OpenAI ที่ทำให้ระบบการสั่งงานผ่าน AI เป็นไปอย่างแพร่หลายในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาการทำหน้าที่ประสานงาน หรือ communicate กับบรรดา AI เหล่านั้นจึงเป็นหน้าที่ของ prompt engineer ที่เกิดขึ้นมาเพื่อบรรจงร้อยเรียงความซับซ้อนของพฤติกรรมมนุษย์ให้เข้าไปในระนาบเดียวกันกับ AI ให้มากที่สุด โดยทำการทดสอบรูปแบบคำสั่ง (prompt) ต่าง ๆ ทั้งโครงสร้างไวยกรณ์ คลังข้อมูลคำศัพท์ รูปแบบทางภาษา บริบทต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักให้เจ้า AI ได้รับการถ่ายทอดพฤติกรรมของมนุษย์และตอบโต้ได้อย่างเป็นธรรมชาติและถูกต้องตามความคาดหวังที่เราต้องการ
ลองจินตนาการว่าวันหนึ่งที่องค์กรของเราหยิบเอาเจ้า AI ที่แสนทันสมัยแล้วประกาศว่าจากวันนี้ไปองค์กรของเราจะนำเอาระบบ AI นี้เข้ามาลดเวลาทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพของการผลิตให้สูงขึ้นแล้วเอาเวลาที่ลดลงไปใช้ทำอย่างอื่นที่มีประสิทธิภาพมากกว่า หากในองค์กรนั้นเรามีคนที่เข้าใจหลักการทำงานของ AI และสามารถเป็นตัวแทนในการประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆได้ครบและทั่วถึง ก็คงจะทำให้ขีดจำกัดขององค์กรนั้นไปได้อีกไกลกว่าที่คิดไว้แต่หากเหตุการณ์ไม่เป็นเช่นนั้น องค์กรก็อาจจะทำได้แค่ลงทุนในระบบงานบางอย่างและต้องจ้างที่ปรึกษาจากภายนอกให้เข้ามาช่วยแนะนำการทำงานกับ AI และต้องค่อย ๆ อธิบาย ทดลอง และทดสอบระบบไปเรื่อย ๆจนกว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะรับทราบและเข้าใจถึงหลักการทำงานซึ่งท้ายที่สุดแล้วรายจ่ายในการทำเรื่องดังกล่าว อาจจะสูงกว่างบประมาณที่คาดไว้หรือรายจ่ายที่ลดลงก็เป็นได้
Prompt Engineer จึงเกิดเป็นอาชีพใหม่ที่น่าจับตามองสำหรับองค์กรต่างๆ ที่ปัจจุบันพยายามใช้ระบบ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานโดย prompt engineer นั้นไม่จำเป็นจะต้องเป็นคนที่เข้าใจโครงสร้างของระบบการเขียน code เสียด้วยซ้ำแต่จะต้องเป็นคนที่เข้าใจตรรกะในการทำงานร่วมกับกระบวนการทางภาษาที่สื่อสารกับเจ้า AI และสามารถดึงศักยภาพออกมาได้สูงที่สุด Andrej Karpathy อดีต Director of AI จาก Tesla ได้เคย tweet เอาไว้ว่า“ตอนนี้ภาษาโปรแกรมมิ่งที่ร้อนแรงที่สุด คือ ภาษาอังกฤษ”เพราะการที่เราสามารถเชื่อมต่อกับ AI ให้ทำงานแทนเราได้โดยข้ามขั้นตอนที่ซับซ้อนอย่างการเขียน programming code นั้นช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายลงไปได้สูงทีเดียวเหมือนดั่งเอาคนที่เก่งในเรื่องหนึ่งมาติดอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยย่อมมีแรงกำลังที่จะฝ่าฟันสมรภูมิความท้าทายต่างๆ จนสามารถออกนวัตกรรมใหม่ ๆ ได้เร็วขึ้น และตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น
การจะเป็น Prompt engineer ที่ดีได้นั้นนอกจากจะต้องเข้าใจและเชี่ยวชาญเรื่องหลักของตรรกะศาสตร์แล้วยังจำเป็นต้องเก่งเรื่องภาษาศาสตร์ รวมถึงศาสตร์อื่น ๆ ที่เรามักเรียกกันว่า multi-discipline คือมีองค์ความรู้ที่กว้างกว่าแค่สายงานใดสายงานหนึ่ง โดยตัวอย่างของทักษะที่เป็น non-technical ที่ตำแหน่งงานนี้ควรมียกตัวอย่าง เช่น
· ทักษะด้านการสื่อสาร - ตำแหน่งงานนี้จะต้อง “บรีฟ” ให้ AI เข้าใจเพื่อให้สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ถูกต้องแม่นยำ เป็นประจำสม่ำเสมอออกมาได้ เหมือน project manager หรือ product manager ที่ต้องคอยประสานงานระหว่างธุรกิจ และ developer ให้ทำ software ออกมาตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานมากที่สุด
· ทักษะด้านภาษา – การมองมุมกลับจากฉากทัศน์ที่เราจะต้องเก่งโปรแกรมมิ่งถึงจะคุยกับAI รู้เรื่อง เปลี่ยนเป็นการทำให้ AI เข้าใจเราง่ายๆ มากพอที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของเราได้ เหมือนสอนคนให้เข้าใจภาษาใหม่ อะไรคือกริยาอะไรคือบริบทต่าง ๆ หากพูดถึงสิ่งนี้ จะต้องหาสิ่งไหนมาตอบ ต้องใช้หลักการใดใช้รูปแบบประโยคใดในการสื่อสาร เป็นต้น
· ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง - อย่างไรก็ตาม การจะ “บรีฟ” AI ให้เข้าใจในสิ่งที่เราจะสื่อสารก็จำเป็นจะต้องมีความรู้เฉพาะทางเพื่อทดสอบความถูกต้องของระบบคำสั่งด้วย เช่นการจะสอน Chatbot ที่ทำงานในโรงเรียนก็ควรจะต้องมีความรู้ด้านครุศาสตร์ หรือการทำ AI ในสำนักงานกฎหมายก็ควรเข้าใจกฎหมายอย่างดีเสียก่อน
· การคิดแบบ Critical - มีคำศัพท์คำหนึ่งที่เราเอาไว้เรียกว่าที่ AI ปฏิบัติงานผิดพลาดคือคำว่า “หลอน” (Hallucinate) เนื่องจากการที่ฐานข้อมูลทางภาษาขนาดใหญ่นั้นมันใหญ่มโหฬารเสียจนบางครั้งด้วยการส่งคำสั่งที่ผิดหรือการ train ที่ผิดจะทำให้ AI ไปเอาคำตอบที่“ผิด” ออกมาให้เรา และมันผิดแบบมั่วแทบจะ 100% เลยด้วยซ้ำเช่น การให้ AI ไปค้นหาเนื้อเพลงโดยไม่ได้บอกให้ละเอียดบางครั้ง AI จะแต่งเพลงใหม่ออกมาให้เราเป็นต้นอาการแบบนี้คืออาการหลอน ดังนั้น prompt engineer มีหน้าที่ที่จะต้องแก้ความหลอนนี้ด้วยการสอบแบบ step-by-step ให้ AI เข้าใจถึงตรรกะของคำตอบเช่น หากหาเนื้อเพลงไม่เจอ จะต้องถามคำถามกลับ ไม่ใช่แต่งเนื้อเพลงขึ้นมาใหม่
· ความคิดสร้างสรรค์ – แน่นอนว่าตรรกะนั้นจำเป็น แต่ความคิดนอกกรอบก็จำเป็นเช่นกันการที่เราดำดิ่งอยู่ในระบบฐานข้อมูลจำนวนมหาศาลขนาดนี้ย่อมต้องมีวิธีหรือความคิดแหวกแนวที่สามารถส่งเสริมให้การทำงานร่วมกับ AI ทรงประสิทธิภาพมากขึ้น
ตัวอย่างการพัฒนารูปแบบคำสั่ง (prompt) แบบเข้าใจง่าย
คำสั่งเกี่ยวกับการถ่ายรูป
Create a close-up, black and white,studio photographic portrait, of a white cat, dramatic lighting, 2000 photofrom the People Magazine cover
(แปลคำสั่ง Prompt จากด้านบนเป็นภาษาไทย = ขอรูปแบบ close-up ภาพถ่ายสีขาวดำ ภาพถ่ายแนวบุคคล แบบถ่ายในสตูดิโอ ของ แมวสีขาว หนึ่งตัวให้มีความ dramatic ให้เหมือนหน้าปกนิตยสาร People Magazine ยุคปี 2000)
ผลลัพธ์จริงจากการใช้ DALL-E ในการสร้าง
หรือหากเราลองปรับมาใช้ในงาน HR แบบนี้
สั่งให้ออกแบบ Job Family Engineer และสร้าง Career Path และนี่คือผลลัพธ์จาก ChatGPT
หรือ สั่งให้ออกแบบฟอร์มประเมินผลปฏิบัติงานประจำปี
จะเห็นได้ว่าหากเรามี Prompt Engineer ที่สามารถส่งมอบประสบการณ์ในการทำงานให้ดียิ่งขึ้นทั่วทั้งองค์กรและในขณะเดียวกัน เราก็สามารถส่งผู้เชี่ยวชาญ หรือ Expertise สาขาต่าง ๆ ไปเรียน Prompt engineering ได้เช่นกันอาชีพนี้จึงเป็นที่น่าจับตามองในอนาคต เพราะเราสามารถ re-skill คนของเราในตำแหน่งงานต่าง ๆ ให้มีความสามารถและทักษะที่เป็นอนาคตอันใกล้นี้ได้นั่นเอง
อ้างอิง:
AndrejKarpathy on Twitter: "The hottest new programming language isEnglish" / Twitter
What is prompt engineering?Definition + skills | Zapier