>
Quiet Firing สัญญาณที่บอกว่าคุณกำลัง ‘บีบให้พนักงานลาออก’ โดยไม่รู้ตัวอยู่
February 8, 2023

Quiet Firing สัญญาณที่บอกว่าคุณกำลัง ‘บีบให้พนักงานลาออก’ โดยไม่รู้ตัวอยู่

ถึงแม้ว่าพนักงานบางส่วนจะเลือกลาออกจากองค์กรด้วยความสมัครใจจนเกิดเป็นวิกฤตการณ์ The Great Resignation ในระดับโลก พนักงาน 48% จาก 20,000 คนกลับรู้สึกว่าตนเองกำลังถูกบีบให้ออกจากงาน และอีก 35% ยอมรับว่าเคยมีประสบการณ์เช่นนี้อย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิตการทำงานจากการสำรวจของ LinkedIn News poll ไม่ว่าจะด้วยการไม่ได้รับการปรับเงินเดือนในช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้รับฟีดแบคในการพัฒนาตัวเองจากหัวหน้างาน รู้สึกว่าถูกละเลยโดยหัวหน้างาน ไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมประชุมสำคัญ ๆ ในทีมหรือองค์กร ไม่มีคนรับฟังความคิดเห็น ไม่ได้รับมอบหมายให้ทำงานชิ้นสำคัญ หรือแม้กระทั่งไม่ได้รับเชิญไปงานเลี้ยงสังสรรค์ของทีม จนเกิดเป็นหนึ่งในกระแส Toxic Workplace Trend ที่กำลังถูกพูดถึงมากที่สุดขณะนี้ นี่คือสัญญาณเตือนที่จะทำให้พนักงานลาออกโดยที่คุณหรือหัวหน้างานอาจไม่ตั้งใจให้เกิดขึ้น หากพบว่ามีพนักงานที่กำลังเผชิญกับประสบการณ์เหล่านี้อยู่

คำแนะนำสำหรับสิ่งที่หัวหน้างานหรือ HR สามารถทำได้เพื่อลดโอกาสของปรากฏการณ์ Quiet Firing ในองค์กร

1)   ตรวจสอบสถานการณ์อย่างมีเหตุผล

ก่อนที่จะลงมือแก้ไขคุณควรทำความเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนถึงเบื้องหลังและวัตถุประสงค์ของการตัดสินใจและการกระทำของหัวหน้างานที่ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกพนักงานเป็นการเลือกปฏิบัติกับพนักงานบางคน หรือเกิดขึ้นกับคนส่วนใหญ่สภาวะเหล่านี้กำลังส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตและแรงจูงใจในการทำงานของพนักงานจริงหรือใหม่

2)   ทบทวนกฎระเบียบและนโยบายในองค์กรอย่างเป็นธรรม

หลายครั้งที่ความขุ่นเคืองใจของพนักงานและหัวหน้างานเกิดจากกฎระเบียบที่รัดกุมมากเกินไปจนไม่สามารถยืดหยุ่นได้สำหรับพนักงานในแต่ละกรณีการทบทวนเกณฑ์ในการปรับเงินเดือนและเลื่อนตำแหน่งหรือแม้กระทั่งโครงสร้างสิทธิในการได้รับการฝึกอบรมของพนักงานทุกคน จะช่วยให้พบจุดบอดบางอย่างที่อาจทำให้พนักงานคิดลาออกจากองค์กรแบบไม่คาดคิดซึ่งอาจถึงขั้นต้องปรึกษากับฝ่ายกฎหมาย สหภาพหรือแม้กระทั่งผู้บริหารที่มีอำนาจตัดสินใจในกรณีที่เกิดความซับซ้อนเกินกว่าจะดำเนินการได้ด้วยทีมเดียว

3)   นำเสนอสิ่งที่ดีและไม่ดีให้ชัดเจน

การพูดและเขียนถึงสิ่งดี ๆที่หัวหน้างานและองค์กรทำเพื่อพนักงานอยู่เสมอรวมถึงความสำเร็จร่วมกันที่เกิดจากความทุ่มเทของพนักงานจะทำให้ความรู้สึกมีส่วนร่วมและได้รับการดูแลที่ดีเป็นที่จับต้องและวัดผลได้มากขึ้นจากการสำรวจของ Gallup พบว่าพนักงานเพียง 34% เห็นด้วยอย่างยิ่งว่าได้รับการยกย่องชมเชยจากหัวหน้างานเมื่อทำผลงานไ้ด้ดีในทางกลับกันฟีดแบคเชิงลบก็สำคัญเท่า ๆ กัน ดังนั้นหัวหน้างานและองค์กรจำเป็นต้องสื่อสารและรายงานผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นที่ต่ำกว่าความคาดหวังห้ชัดเจนไม่ว่าจะในรูปแบบของอีเมล ผลการประเมินผลงาน หรือฟีดแบคเพื่อพัฒนาเพื่อให้พนักงานสามารถรับรู้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับองค์กร ทีมงานหรือตนเองได้อย่างตรงไปตรงมาและเกิดความเข้าใจตรงกันถึงการตัดสินใจและการกระทำต่างๆ ขององค์กร

4)   หาเวลาสื่อสารเชิงรุกอย่างเปิดใจระหว่างกัน

การสร้างโอกาสที่หัวหน้างานหรือ HRได้พูดคุยกับพนักงานอย่างตรงไปตรงมาถึงความรู้สึกจะทำให้ลดโอกาสในการเข้าใจผิดหรือการคิดไปเองถึงสถานการณ์ต่าง ๆ จนเกิดความกลัวความรู้สึกไม่เป็นส่วนหนึ่ง หรือความรู้สึกผิดในเรื่องที่ไม่ตั้งใจให้เกิดขึ้นโดยในระหว่างการพูดคุยควรชัดเจนลงลึกถึงสิ่งที่พนักงานรู้สึกจริง ๆให้เข้าใจประเด็นมากที่สุดและหารือถึงทางออกร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรมมากกว่าแค่การบ่นหรือระบายความรู้สึกเท่านั้น

 

5)   พัฒนาความแข็งแรงทางอารมณ์ให้พนักงาน

ความเครียดเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้พนักงานรู้สึกว่าถูกบีบเค้นจนต้องลาออกดังนั้นการพัฒนาพนักงานให้มีวุฒิภาวะและความฉลาดทางอารมณ์รวมถึงการจัดการกับความเครียดได้ดีจะมีส่วนช่วยลดโอกาสเกิดความคิดในเชิงลบไม่ว่าจะเป็นการจัดให้มีนักจิตวิทยา จิตแพทย์ หรือโค้ชที่ช่วยให้พนักงานสามารถเรียนรู้และอยู่กับความรู้สึกของตนเองได้ดีขึ้นและร่วมกันวางแผนแนวทางในการดูแลรักษาจิตใจตนเองให้พร้อมรับสถานการณ์ยากๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ดีขึ้น

6)   ให้โอกาสในการพักใจและปรับตัวร่วมกัน
การต่อรองและขอโอกาสเริ่มต้นใหม่เป็นทางเลือกเกือบ ๆสุดท้ายที่จะให้พนักงานเปิดใจลองทำงานร่วมกันใหม่ เช่นให้ลาพักร้อนหรือลาโดยไม่ได้รับค่าจ้างสามเดือน

7)   ปล่อยให้พนักงานลาออกด้วยดีอย่างสงบ
หากดำเนินการทุกอย่างแล้วแต่ในท้ายที่สุดพนักงานยังตัดสินใจลาออกองค์กรและหัวหน้างานก็ควรเคารพการตัดสินใจและจัดการให้ลาออกด้วยความสงบเรียบร้อยมากที่สุดในขณะที่อาจยังมีความขุ่นเคืองข้องใจอยู่หรือแม้กระทั่งอาจต้องขอความช่วยเหลือจากฝ่ายกฎหมายเพื่อชี้แจงให้พนักงานเข้าใจว่าสิ่งที่องค์กรดำเนินการก่อนหน้านี้ไม่ได้ทำผิดกฎหมายแรงงานหรือระเบียบข้อบังคับที่ไม่ถูกต้องตามจริยธรรมของการจ้างงานแต่อย่างไดทั้งในเชิงค่าตอบแทน สวัสดิการหรือสภาพแวดล้อมในการทำงานที่พร้อมที่จะชี้แจงและขอความร่วมมือในการจบกันด้วยดีและยังมีโอกาสติดต่อกันในอนาคตได้อย่างสะดวกใจทั้งสองฝ่ายหรือแม้กระทั่งช่วยเขียนจดหมายรับรองการผ่านงานในเชิงบวกและแนะนำโอกาสงานนอกองค์กรที่ก้าวหน้าขึ้นให้กับพนักงาน  

 

จากการศึกษาพบว่า พนักงาน 40% ที่กำลังเผชิญสถานการณ์นี้เลือกที่จะหลีกเลี่ยงการพูดคุยแก้ไขปัญหาเพราะกังวลว่าจะทำให้ความขัดแย้งทวีคูณหรือสร้างปัญหาให้กับองค์กรมากขึ้นดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ขององค์กรที่จะแสดงให้พนักงานเห็นว่าใส่ใจและโดยเฉพาะกับพนักงานในตำแหน่งสำคัญที่มีความสามารถที่จะเป็น Regretted Lossหากสูญเสียไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

อ้างอิง

https://hbr.org/2022/11/are-you-being-quiet-fired

https://www.cnbc.com/2022/09/30/7-signs-of-quiet-firing-to-look-for-at-work.html

https://www.gallup.com/workplace/404996/quiet-firing-stop-doing.aspx

Tag:
No items found.
Share this post:
วสุธร หาญนภาชีวิน

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024