>
RPA และ Rนาคต ของ HR ในปี 2024
December 10, 2023

RPA และ Rนาคต ของ HR ในปี 2024

Robotic Process Automation (RPA) คือ เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นมาเพื่อสร้าง “คำสั่ง” ให้ดำเนินการทำงานแทนมนุษย์อย่างอัตโนมัติบนระบบงานต่าง ๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะทำงานอยู่คอมพิวเตอร์ ข้อมูลต่าง ๆ ที่จากเดิมเคยจำเป็นต้องอาศัยพนักงานมานั่งกดคีย์บอร์ดเพื่อออกคำสั่ง หรือบันทึกค่าตัวเลขต่าง ๆ จะถูกย้ายไปให้ทำงานบนระบบที่ไม่ต้องพึ่งพาการป้อนข้อมูลทีละครั้ง ตัวอย่างของการทำงานแบบ RPA เช่น งานที่ต้องการการป้อนข้อมูลจำนวนมหาศาล (Excel หลายหมื่นบรรทัด) งานที่มีความซ้ำแต่ไม่ซับซ้อน เช่น การบันทึกที่มีรูปแบบตายตัว และมีการทำงานอยู่บน process เดียวกัน เป็นต้น

ปี 2024 จะเป็นปีที่ RPA จะขยับเข้ามาติดอยู่ใน trend ของ digital transformation กับงาน HR โดยจะเป็นสิ่งที่กระตุ้นสร้างให้มูลค่างานของ HR Transformation พุ่งสูงขึ้นไปอีกและแน่นอนว่าการศึกษาและทำความเข้าใจเรื่อง RPA ในงาน HR ที่กำลังจะมาถึงนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายและก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เช่นกัน ขอเพียงเราเข้าใจหลักการ และพื้นฐานของ RPA ก็จะทำให้เราสามารถขยายขอบเขตในการทำงานของ RPA ให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของงาน HR ได้โดยบทความนี้จะยกตัวอย่าง “Rนาคต” ของ RPA ที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตของพวกเราชาว HRกันในปี 2024

1.) RPA x AI: การบูรณาการณ์กันของ RPA และปัญญาประดิษฐ์
หากจะขยายความเรื่อง RPA กับ AI แล้วคงจะต้องยกตัวอย่างว่า RPA คือชุดคำสั่งที่จะป้อนเข้าไปให้ AIทำงานอย่างต่อเนื่อง บนความซับซ้อนที่ RPA ไม่ได้ถูกกำหนดมาจากเดิมที่ RPA อาจจะทำให้แค่ส่งค่าตัวเลขไปเพื่อบันทึกแต่ด้วยประสิทธิภาพของ Machine Learning ของ AI จะทำให้ขยายขอบเขตของความซับซ้อนของงานออกไปไกลยิ่งขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานที่ HR อาจจะต้องทำเป็นประจำเช่นการกรอกข้อมูล Competency Gap แล้ววิเคราะห์ออกมาเป็น report หรือการประเมินผล performance review แล้วตีค่าออกมาเป็นlink to pay หรือการขึ้นค่าจ้างประจำปีเป็นต้น หากใช้ RPA แทรกเข้าไปในกระบวนการเหล่านี้ก็จะสามารถลดข้อผิดพลาดระหว่างกระบวนการได้ และเพิ่มประสิทธิภาพของข้อมูลและลดเวลาการทำงานลงไปได้อย่างยิ่งยวด

2.) Cloud-Based RPA: ยก RPA ขึ้นไปบนก้อนเมฆ
การที่เราสามารถยกระบบอัตโนมัติขึ้นไปอยู่บน Cloud environment ได้นั้นจะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเป็นอย่างสูง จากรายงานของ Gartner ระบุว่าในปี 2024 การโยกระบบ RPA ขึ้นไปบน Cloud นั้นจะเพิ่มขึ้นอีกราว ๆ 20% ซึ่งหากทำได้ การขยายผลของการทำงานจะมีความยืดหยุ่นมากขึ้น จากเดิมที่ HR อาจจะต้องลงทุนกับการตั้งห้อง server เพื่อ runpayroll หรือเพื่อเก็บข้อมูล one report บางอย่างในการพิจารณาข้อมูลด้านกำลังพลก็จะไม่ต้องซื้อสินทรัพย์เข้ามาติดตั้ง และไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยและความต่อเนื่องของระบบ เนื่องจาก Cloud-Based นั้นออกแบบมาเพื่อการทำงานแบบ cost-effective ขององค์กร

3.) Low-Code และ No-Code RPA: ไม่ต้องเป็น Software Developer ก็เขียน RPA ได้
หากจะอธิบายกระบวนการของ low/no-code นั้นคงต้องยกตัวอย่างเหมือนโปรแกรมวาดรูป หรือโปรแกรมทำ presentation ที่เราไม่จำเป็นจะต้องเป็นจิตกร แต่ก็สามารถทำรูปภาพ หรือ slide ต่าง ๆ ให้ออกมาสวยงามได้ กระบวนการ RPA ก็สามารถทำแบบนั้นได้เช่นกันปัจจุบันด้วย ChatGPT / Co-Pilot หรือ Bard ก็สามารถป้อนคำสั่งที่เหมือนภาษามนุษย์ปกติ เพื่อให้ออกแบบ code ง่าย ๆ แล้วนำไปใช้ต่อได้ หรือแม้กระทั่งการใช้โปรแกรมอย่าง PowerApp ก็สามารถทำ Application ขึ้นมาได้โดยอาศัยความเข้าใจของcode ในระดับใกล้เคียงกับสูตรของ Excel เป็นต้น ปี 2024 จะเป็นปีที่น่าตื่นเต้นกับระบบเหล่านี้ที่มีความใกล้เคียงกับการสื่อสารระหว่างคนด้วยกันมากขึ้นและทำให้คนทำงานรู้สึกว่า ทุกอย่างสามารถเข้าถึงได้ง่ายทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำหน้าตาของ HR Service ให้รองรับกับการทำงานแบบ Hybrid ที่ลดขั้นตอนการติดต่อจากพนักงาน แต่ยังทำให้รู้สึกสะดวกสบายและทำงานได้อย่างคล่องตัวเหมือน HR นั่งอยู่ข้าง ๆ

4.) Human-Bot Collaboration: ผสานการทำงานอย่างลงตัวด้วยการใช้ Bot ช่วยงาน และมนุษย์ช่วยคิด
การทำงานร่วมกันระหว่าง Bot และคนนั้นเริ่มแพร่หลายอย่างที่เราเห็นใน Social Media ต่าง ๆ ที่มักจะมี chat bot คอยตอบคำถามง่าย ๆ เพื่อลดเวลาทั้งฝั่งคนถามและฝั่งคนตอบในมุมของการบริหารงานบุคคล คำถามที่มักจะถูกถามบ่อย หรือ FAQ เช่นวันลาเหลือกี่วัน สิทธิประกันเบิกได้อีกเท่าไหร่จะขอเบอร์ติดต่อบุคลากรภายในได้อย่างไร มักจะทำให้พนักงานรู้สึกไม่สามารถรอคำตอบได้นานและต้องการคำตอบที่ Real Time (ถามปุ๊บ ตอบปั๊บ) ดังนั้นการเข้ามา“ลดเวลาการทำงาน” ของ Bot จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต่อการตอบสนองต่อพนักงานได้สูงขึ้นในขณะเดียวกัน HR ที่เป็นมนุษย์จริงๆ  ก็สามารถนำข้อมูลที่วิ่งผ่านระบบ Bot เข้าไปช่วยวิเคราะห์ต่อได้ เช่น ทำไมช่วงนี้พนักงานถามเรื่องวันลาบ่อย?ทำไมพนักงานถามเรื่องการเบิกค่ารักษาพยาบาลเยอะ? มีการติดต่อเข้ามาเรื่องสุขภาพจิตบ่อยหรือไม่? โดย HR อาจนำเอามุมมองเหล่านี้ไปออกแบบกิจกรรมต่างๆ ที่ตอบสนองความต้องการที่พนักงานอาจไม่ได้บอกกับเราโดยตรงได้นั่นเอง

5.) Process Discovery: ให้เทคโนโลยีช่วยค้นหาทรัพยากรในกระบวนการ
คำว่า Process Discovery อาจฟังดูแล้วเป็นเรื่องไกลตัวแต่หากจะอธิบายความสำคัญของเทคโนโลยีนี้ ให้ลองจินตนาการถึง “มดงาน” ที่ลำเลียงทรัพยากรจากภายนอกเข้าสู่รังแล้วเก็บสะสมความรู้ว่าการเดินทางแบบไหนระยะสั้นที่สุดการแบกใบไม้ต้องใช้มดกี่ตัวถึงจะได้ประสิทธิภาพสูงที่สุด เมื่อเอามาประยุกต์ใช้ในองค์กรสมมติให้เราปล่อยระบบอัตโนมัติให้เสมอเป็น “มดงาน”วิ่งเข้าไปในระบบงานของเราจนทะลุปรุโปร่ง สามารถตีความออกมาได้ว่ากระบวนการของเรามีการทำงานซ้ำซ้อนจุดใดบ้าง ทำอย่างไรให้ระยะเวลาสั้นลงและสิ้นเปลืองแรงงานลง เป็นต้น
งานประเภท Payroll / Time Attendance / Training สามารถเอาระบบ RPA พวกนี้เข้าไปจับกระบวนการให้มีความคล่องตัวที่สูงขึ้นได้นั่นเอง

6.) Compliance with RPA: ป้องกันความผิดพลาดที่มาจากความประมาทด้วยระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติ
ไม่มีใครที่อยากจะทำผิดกติกาหรือกฎระเบียบที่วางไว้ แต่มนุษย์ยังมีข้อผิดพลาดและอาจมีความประมาทที่ไม่สามารถป้องกันล่วงหน้าได้อันอาจนำมาซึ่งอุบัติเหตุที่ทำให้ธุรกิจต้องหยุดชะงักลง อาทิเช่นการหมดอายุของใบอนุญาตของพนักงานที่เกี่ยวข้อง (ไม่มีระบบเตือนความจำ)หรือการลืมส่งเอกสารบางอย่างให้หน่วยงานราชการ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การหยิบเอา RPA มาเข้าช่วยในกระบวนการที่มีความเสี่ยงต่อการ “หลุด”จะช่วยป้องกันอุบัติเหตุดังกล่าวได้ ยกตัวอย่างเช่น การตรวจประวัติอาชญากรรม /การตรวจสอบวันหมดอายุใบขับขี่ หรือใบอนุญาตรประกอบกิจการบางอย่างเป็นต้น

ดังที่กล่าวมา RPA จะเข้ามาสร้างผลกระทบในวงกว้างของงาน HR ในอนาคตอย่างแน่นอน แรงงานที่กำลังเข้ามาทดแทนในปี 2024 จะมีความคล่องตัวและเข้ากันได้กับ digital transformation ที่สูงขึ้นมาก ระบบงานบางอย่าง รวมถึงการเรียนรู้ จะมีคววามต่อเนื่องและพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว การนำ RPA ไปใช้ให้ถูกที่ถูกทางและเหมาะสมจึงยังจำเป็นจะต้องการความรู้ และทักษะของ HR ที่เกี่ยวข้องการหยิบระบบอัตโนมัติ หรือเทคโนโลยีดังกล่าวไปใช้ต้องมีประสบการณ์ที่มองทะลุไปแบบต้นน้ำจนถึงปลายน้ำสามารถทำความเข้าใจกระบวนการที่มีขององค์กรได้อย่างต่อเนื่องและสามารถสร้างวัฒนธรรมการทำงานร่วมกับระบบ RPA ให้มีความสอดคล้องลงตัว และมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะปี 2024 ที่กำลังจะถึงกลยุทธ์ต่างๆ ของงาน HR ย่อมหลีกหนีไม่พ้นเรื่องของเทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทในการทำงานของพวกเราอย่างแน่นอน

 

 

อ้างอิง:

TopRPA Trends and Forecasts for 2024 (akabot.com)

axiomq.com/blog/top-robotic-process-automation-rpa-trends-and-forecasts/

Tag:
No items found.
Share this post:
ภคภัค สังขะสุนทร

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024