McKinsey ที่ปรึกษาระดับโลกยังพบอีกว่า การจ้างงานในปัจจุบันเกือบ 90% จำกัดว่าจะต้องจบการศึกษาขั้นต่ำระดับปริญญาตรีโดยเฉพาะในสาขาที่ต้องการคนทำงานเพิ่มขึ้นมากอย่างสายเทคโนโลยีการลบข้อจำกัดเหล่านี้เป็นการขยาย Talent Pool ให้กว้างขึ้นและยังเพิ่มโอกาสในการหมุนเวียนตำแหน่งงานภายในองค์กรเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกด้วยทำให้พนักงานรู้สึกตื่นตัวในการพัฒนาตัวเองเมื่อรู้ว่าโปรไฟล์ในอดีตของคนเองไม่ได้เป็นอุปสรรคในการเติบโตอีกต่อไปพนักงานสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอเพียงแค่พัฒนาทักษะของตัวเอง
ถึงแม้ว่าแนวคิดนี้ฟังดูจะสุดโต่งอยู่บ้างจนอาจทำให้ Recruiter และหัวหน้างานหลาย ๆ ท่านก็คงจะขมวดคิ้วกันเป็นแถวว่า ทำได้จริงหรือไม่รับเข้ามาแล้วจะทำงานได้จริงเหรอ และยังไมีเงื่อนไขขององค์กรอีกหลาย ๆข้อที่ผู้สมัครหรือพนักงานคนหนึ่งต้องฝ่าด่านไปให้ได้ ฝั่ง World Economic Forumก็ได้มีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2025 กว่า 44% ของทักษะในการทำงานของมนุษย์จะใช้การไม่ได้แล้วมีวิวัฒนาการที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้ว่าวิธีคิดแบบนี้ดูจะเป็นความหวังขององค์กรและเป็นแนวคิดที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจของการเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กันอย่างเท่าเทียมโดยเฉพาะในการจ้างงานของกลุ่มคนที่มีทักษะเฉพาะด้านเช่นสายเทคโนโลยีที่มีจำนวนจำกัดในประเทศไทยและรวมถึงในภูมิภาคอีกด้วย
ความคิดนี้อาจเป็นไปได้จริงเร็วกว่าที่คิดบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Boeing, Walmart, IBM หรือบริษัทในประเทศไทยอย่าง KBTG หรือ MFEC ก็ได้เริ่มนำแนวคิดการจ้างงานแบบนี้เข้ามาใช้ในองค์กรเพื่อเปิดโอกาสให้กว้างขึ้นในตำแหน่งงานสำคัญๆ แล้ว จากข้อมูลของ Test Gorilla ซอร์ฟแวร์ประเมินทักษะของพนักงาน พบว่า 76% ของนายจ้างเริ่มใช้รูปแบบการจ้างงานแบบ skill-based แล้วและมีการใช้แบบทดสอบทักษะเฉพาะถึง 55%
หากองค์กรใดสนใจเริ่มต้นการจ้างงานแบบ skill-based hiring สามารถเริ่มวางแผนได้จาก3 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้
ขั้นที่ 1 ทำการประเมินทักษะสำคัญ ๆ ขององค์กรเพื่อหา gap
ขั้นที่ 2 ปรับนโยบายและเตรียมความพร้อมของระบบและคนในองค์กรเพื่อรองรับการจ้างงานแบบใหม่ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ยังมีความท้าทายหลายอย่างรออยู่ จากการสำรวจ HR ประมาณ 50% ยอมรับว่าได้เริ่มดำเนินการตามแนวคิดใหม่นี้แล้วแต่ยังมีความยากลำบากหลายอย่างที่ต้องพัฒนาเพิ่ม
ขั้นที่ 3 ลองใช้ AI toolเข้ามาช่วยในการสรรหาและคัดเลือกคนโดยตั้งคำสั่งให้เลือกจากทักษะเป็นหลักที่นอกจากจะช่วยลด biasเวลามนุษย์เป็นคนคัดเลือกแล้ว ยังอาจช่วยเพิ่มตัวเลือกใหม่ ๆให้กับองค์กรแบบที่คาดไม่ถึงอีกด้วย
ตัวอย่างที่น่าศึกษาของ บริษัท IBM ที่มีโปรแกรม Apprenticeship หรือการฝึกงานในสายทักษะ โปรแกรมนี้ครอบคลุม 35ตำแหน่งงานสำคัญ ๆ ในด้าน cybersecurity, software development, data science, และdesign ซึ่งในปีแรกต้องอาศัยการทำงานร่วมกับผู้บริหารระดับสูงและ subject matter expert ในการวางแนวทางและทดลองและได้บุคคลที่มีความสามารถมาเพียง 7 คนเท่านั้นในปี 2017 แต่ในปัจจุบันมีกว่า 100 คน และตั้งเป้าจะจ้างงานแบบ skill-based hiring ให้ได้ถึง 1,000 คน ในอีก 5 ปี ข้างหน้า
ถึงแม้ว่าปริญญาและประสบการณ์จะเป็นพื้นฐานและเป็นตัวพิสูจน์อะไรหลายๆ อย่างในโลกการทำงาน โดยเฉพาะในประเทศไทยแต่ก็เป็นเพียงแนวโน้มที่เกิดจากสถิติหรือการสังเกตการณ์ในอดีตเท่านั้นปัจจุบันและอนาคตในโลกที่อะไร ๆ ก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วนี้ หนีไม่พ้นทักษะใหม่ ๆที่เกิดขึ้นทุกวันการเปิดโอกาสให้กว้างขึ้นให้กับพนักงานและองค์กรก็เป็นอีกทางเลือกหรือทางรอดที่สำคัญที่หลายองค์กน่าจะลองหยิบนำไปใช้ในแบบฉบับของตนเองกันดูบ้าง
อ้างอิง
Hire more skills, less for industry,McKinsey
Takng a skills based approach tobuilding the future workforce, McKinsey
How IBM centered talent strategy onskills
Skills-based hiring is on the rise,Forbes