>
ก้าวสู่ยุคสมัยถัดไปของเทคโนโลยีการเรียนรู้
December 6, 2021

ก้าวสู่ยุคสมัยถัดไปของเทคโนโลยีการเรียนรู้

โลกของเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วงสองปีที่ผ่านมา เปลี่ยนมากเสียจนหากไปบอกเราว่าเมื่อกลางปี 2019 เราย้อนเวลาไปบอกตัวเองได้แล้วเราบอกว่าในสองปีที่ผ่านมาจะมีเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น

> การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่สร้างความปั่นป่วนไปทั้งโลก

> คนต้องมีการรักษาระยะห่าง ไม่สามารถจะรวมทีมงานจำนวนมากๆไว้ที่เดียวได้อย่างเคย ทำให้การใช้งานเทคโนโลยีในการทำงานจริงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีที่ช่วยในการทำงานทางไกล ส่งผลให้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีเติบโตอย่างร้อนแรงในปี 2020

> ของดิจิตอลบางอย่างที่เมื่อสี่ห้าปีก่อนอาจจะยังมองว่าไกลตัว แต่ตอนนี้กลายเป็นใกล้ตัวมากขึ้น เช่น การประกาศจริงจังใน Metaverse ของ Facebook ในขณะที่เมื่อสี่ปีก่อน (2018) เรายังนั่งดูหนังเรื่อง Ready Player One และนั่งคิดว่าในอนาคตสักสามสี่สิบปีเราถึงจะไปถึงขั้นนั้นได้ ซึ่ง facebook ก็ไม่ได้ประกาศเปล่า ๆ มีการเข็นเทคโนโลยีชิมลางอย่าง Rayban Stories ที่สามารถถ่ายรูปได้, ถ่ายคลิปวิดีโอสั้น ๆ ได้, รับสายโทรศัพท์, ฟังเพลงและพอดแคสต์ได้, แชร์ภาพและคลิปที่ถ่ายจากแว่นลงบนโซเชียลได้อย่างง่ายดาย

> ของดิจิตอลบางอย่างที่เมื่อก่อนรู้สึกจับต้องได้ยากไม่แน่ใจในราคา ตอนนี้กลับมีราคาขึ้นมาอย่างจริงจัง เช่น Bitcoin มีมูลค่าเกิน 1 ล้านบาทในต้นปี 2021 และพุ่งไปเกิน 2 ล้านบาทในช่วงปลายปี 2021 จากที่มูลค่าเพียง 40,000 บาท เมื่อไม่กี่ปีก่อน

> การที่เทคโนโลยีชื่อต่าง ๆ ทั้งที่เราคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยอย่าง IoT (Internet of Things) AI (Artificial Intelligence) เข้ามามีความสำคัญกับมนุษย์อย่างจริงจัง การมี SMART Home ที่มีพื้นฐานจาก IoT ไม่ใช่เรื่องเกินฝัน การใช้ Chatbot จากระบบ AI ที่ไม่ซับซ้อนเริ่มเข้ามาใช้ในชีวิตประจำวันอย่างง่ายๆ แม้กระทั่งร้านค้าใน Facebook หรือ Shopee ก็สามารถนำ AI Chatbot มาใช้ได้อย่างง่ายดาย

> ความสำคัญของสิ่งแวดล้อมที่ทวีความสำคัญขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการประชุม COP26 ที่สกอตแลนด์ ที่สะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมและคาร์บอนเครดิตมากยิ่งขึ้น

หากเราบอกเรื่องเหล่านี้ในปี 2019 เราคงจะหัวเราะใส่ในหลาย ๆ เรื่องจริง ๆ ซึ่งนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้ชัดเจนในโลกของเราในสองปีที่ผ่านมา และแน่นอนความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ก็ส่งผลกระทบโดยตรงกับการบริหารจัดการคนด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น

> การแพร่หลายของ Remote Working และ Hybrid Working ที่แพร่หลายในเวลาไม่กี่เดือนในปี 2020 และกลายเป็น Trend ใหม่ในอนาคต แม้กระทั่งบริษัทในไทยเองก็มีหลายบริษัทที่ปรับเปลี่ยนมาเป็นการทำงานแบบ Hybrid อย่างจริงจัง

> การทำงานแบบ Gig Economy พนักงานเริ่มมีอาชีพที่สองเป็นเรื่องปกติมากขึ้น จนทำให้ทางองค์กรก็จำเป็นจะต้องดูแล Productivity ของพนักงานได้ยากมากยิ่งขึ้น

> การที่ JobsDB ประกาศไม่ต้องระบุเพศ อายุ เชื้อชาติ หรือปัจจัยอื่น ๆ ที่สื่อถึงการเลือกปฏิบัติ ในปี 2022

> การเรียนรู้จากเดิมที่มองการทำ e-learning เป็นเรื่องที่ยาก และน่าเบื่อ กลายเป็นเรื่องปกติที่จะองค์กรจะต้องบริหารจัดการให้คนเรียนรู้ออนไลน์ให้ได้

ฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ทำให้ทุกท่านในฐานะของ HR ก็จำเป็นต้องปรับตัวเข้าหาเช่นเดียวกัน ซึ่งถ้าหากจะพูดถึงทุกเทคโนโลยีที่จะเกี่ยวข้องกับทุกด้านที่จะกระทบในงานทรัพยากรมนุษย์ บทความนี้คงจะยาวสักสามสี่สิบหน้ากระดาษ ฉะนั้นผมจะพาไปเน้นทำความเข้าใจกับยุคต่อไปของเทคโนโลยีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่จำเป็นต้องจับตามองในไม่กี่ปีข้างหน้านี้ เพื่อเป็นไอเดียให้ทุกท่านไปเตรียมตัว และเตรียมพร้อมเข้ากับการพัฒนาทีมงานของคุณ โดยขอแบ่งออกเป็น สามหัวข้อใหญ่ๆดังนี้

Learning Analytics จะเชื่อมโยงกับการเรียนรู้อย่างมาก – ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็น Cloud ที่การเก็บข้อมูลและเรียกใช้ข้อมูลไม่จำเป็นต้องเข้าไปใน Drive แต่สามารถเปิดที่ไหนก็ได้ การรวบรวมข้อมูลไม่จำเป็นต้องเป็นการเอาข้อมูลมาคีย์ลงระบบในฐานข้อมูลเพียงอย่างเดียว หากแต่ NLP (Natural language processing) หรือการประมวลภาษาธรรมชาติ หรือถ้าจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆคือ คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจรูปถ่าย เข้าใจภาษาของมนุษย์ได้ (ซึ่ง NLP นี่ก็เป็นส่วนแขนงย่อยหนึ่งของ AI หรือ Artificial Intelligence หรือปัญญาประดิษฐ์) จะส่งผลโดยตรงให้การเก็บข้อมูลในการอบรม ทั้งจะทำได้ง่ายขึ้นในปัจจุบัน มากไปกว่านั้นยังทำให้เก็บข้อมูลบางอย่างที่เมื่อก่อนอาจจะเก็บไม่ได้ให้เก็บได้ด้วย เช่นพฤติกรรมระหว่างการเรียน (อาจจะดูจากสีหน้าจากกล้องที่จับไว้) เวลาที่ใช้ในการตอบแบบทดสอบแต่ละข้อว่าใช้เวลามากน้อยแค่ไหน อันจะทำให้สามารถออกแบบการเรียนรู้ให้เป็นลักษณะเฉพาะบุคคลได้มากยิ่งขึ้น และตอบโจทย์การเรียนรู้เป็นรายบุคคลได้มากขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ระบบ Blockchain ที่เราเห็นการนำมาใช้ในทางการเงินก็สามารถที่จะเข้ามาผูกรวมกับระบบ MOOC หรือ Massive Open Online Courses โดยสามารถสร้าง Portfolio เก็บข้อมูลความเป็นส่วนตัว และลดค่าใช้จ่ายในการเรียนรู้ของแต่ละบุคคลได้อีกด้วย ซึ่งการที่ Learning Analytics พัฒนาขึ้น ก็จะส่งผลไปยังข้อที่สอง

Personalized Training จะเป็นเรื่องที่ไม่ยากจนเกินไปอีกต่อไป - หลายองค์กรมีความพยายามที่จะทำ Individual Development Plan เพื่อที่จะทำการพัฒนาพนักงานเป็นรายบุคคล แต่ความเป็นจริงแล้ว ความ Individual นั้นไม่ได้ Individual อย่างที่ควรจะเป็นจริง ๆ (แน่ล่ะจะให้สร้างแผนการพัฒนาที่แตกต่างกันจริงๆให้เหมาะกับทั้ง 5,000 คน ด้วย HRD 3 คนที่ยังต้องทำงานอื่นอีกด้วยมันน่าจะแทบเป็นไปไม่ได้) แต่ด้วยเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์และ Machine Learning หรือการทำให้ระบบคอมพิวเตอร์เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ที่เราสามารถฝึกระบบของเราให้สามารถทำ Recommender System ได้ (อธิบายให้เข้าใจง่ายสุด ๆ ลองนึกถึงคุณตอนเข้า Netflix แล้วมันมีหนังแนะนำให้คุณโดยใช้พื้นฐานข้อมูลจากหนังเรื่องก่อนๆที่คุณดูน่ะ เป็น Recommender System เหมือนกัน) ซึ่งเจ้า AI เหล่านี้ สามารถที่จำทำนายได้ว่าคนเรียนชอบเรียนอะไร ค้นหาอะไร ต้องการเรียนรู้อะไรเพิ่มเติม อีกทั้งเรายังสามารถเพิ่มเติมข้อมูลรายบุคคลได้ว่าบุคคลคนนี้ทำงานอะไร เผชิญหน้ากับอะไรอยู่ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ล้วนแล้วแต่สามารถใช้ Machine Learning เข้าจับ และแนะนำพนักงานได้ทันทีที่ต้องการว่า อะไรคือสิ่งที่เข้าควรเข้ารับการเรียนรู้ในตอนนี้ อะไรเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเขา อีกทั้งการที่สามารถแนะนำ และเขาสามารถเข้าไปเรียนได้นั้น ก็จะยิ่งเพิ่มข้อมูลให้ AI ได้เรียนรู้และออกแบบการพัฒนารายบุคคลได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้การที่สามารถเก็บข้อมูลเหล่านี้ได้ ก็ทำให้มี Learning Analytics ที่เป็นข้อมูลให้องค์กรมีแนวทางการพัฒนา เพื่อตอบโจทย์โลกที่โจทย์ทางธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วได้ หรือถ้าอีกหน่อยในอนาคต Platform ที่ใช้พัฒนาสามารถ Plug-in เข้ากับระบบการทำงานหลักขององค์กร (ซึ่งไม่ได้ยากเกินจินตนาการเลย การเปิด API เชื่อมกันระหว่างโปรแกรมไม่ได้ยากเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป) จะทำให้ AI มีข้อมูลเพิ่มเข้ามาอีกว่าสิ่งที่พนักงานทำงาน ต้องการทักษะอะไรเพิ่มเติมบ้าง จนอาจจะสามารถทำนายได้เลยว่า Skill อะไรที่ต้องเพิ่มให้แกร่งขึ้น Skill อะไรต้อง Reskill ใหม่ ซึ่งถ้าไปได้ถึงขั้นนั้นอาจจะเรียกได้ว่าเป็น AI-Enabled Learning Management System สำหรับพนักงานโดยเรียกได้ว่าระบบ AI สามารถจะปรับแต่งการพัฒนา แนะนำการพัฒนา และติดตามการพัฒนาของพนักงานได้รายบุคคล และเชื่อมโยงกับเป้าหมายของตำแหน่งงาน และเป้าหมายขององค์กร จนอาจจะเรียกได้ว่ามาแย่งงานผู้จัดการแผนกฝึกอบรมไปเลยก็ว่าได้

การทำ Experiential Learning จะประหยัดและไม่ยากเกินไปอีกแล้ว – Experiential Learning หรือ การเรียนรู้จากประสบการณ์นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร และมีการทำมานานนมแล้ว ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่พนักงานชอบและองค์กรก็ชอบด้วยเพราะสามารถวัดและสามารถได้ลองทำจริง ในสถานการณ์จำลองจริง ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนว่าพนักงานท่านนั้นรู้หรือไม่รู้ รู้จริงหรือไม่ ทำงานได้หรือไม่ แต่ในอดีตการที่จะสามารถทำได้อาจจะต้องสร้าง Facilities ขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่เพื่อที่จะให้มีพื้นที่ในการฝึกจริง ๆ แต่ในโลกสมัยใหม่ ที่เทคโนโลยีโลกเสมือนหรือ Virtual Reality (VR) และเทคโนโลยีโลกเสมือนผสานโลกแห่งความจริง Augmented Reality (AR) (ถ้านึกภาพไม่ออก VR ลองนึกถึงเกม VR หรือหนังเรื่อง Ready Player One ส่วน AR ลองนึกถึงเกม Pokemon Go!) ซึ่งการที่ AR และ VR มีการพัฒนาและใช้กันอย่างแพร่หลายจะส่งผลให้การฝึกอบรมพนักงานสามารถได้ฝึกฝนได้โดยไม่จำเป็นต้องสร้าง Facilities นอกจากนี้การที่เทคโนโลยี 3D printing เริ่มแพร่หลายและใช้งานได้ง่ายขึ้น ก็ยิ่งเป็นตัวสนับสนุน ให้การฝึกจริงได้อย่างจริง ๆ ได้เรียนรู้ ๆ จริง ๆ ภายใต้ค่าใช้จ่ายที่ไม่มากเหมือนอดีตที่ต้องสร้างอาคาร ซื้ออุปกรณ์มากมายเพื่อตอบสนองการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง และถ้าหากผนวกกับการทำ Gamification หรือการทำให้การเรียนรู้ผ่านประสบการณ์นี้ได้รับความสนุกตื่นเต้น ไปพร้อมกับได้เรียนรู้เหมือนมีประสบการณ์เล่นเกม จะยิ่งทำให้ผู้ที่เรียนรู้มีประสบการณ์ที่ดีและอยากเรียนรู้เพิ่มมากขึ้นด้วย เมื่อผนวกกับ AR และ VR จะยิ่งทำให้การทำ Gamification มีความสมจริงและน่าตื่นเต้นขึ้นมาก

นอกจากนี้การใช้ AR และ VR ยังทำให้พนักงานที่อยู่ไกลกัน เช่นพนักงานในสาขาต่าง ๆ สามารถที่จะเข้าร่วมการเรียนรู้แบบ Experiential Learning ได้โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางข้ามจังหวัด ข้ามประเทศ หรือข้ามทวีปเพื่อมาร่วมฝึกอบรมด้วยอีกต่อไป ส่งผลให้ประหยัดทั้งเวลาขององค์กร เวลาของผู้เรียน รวมไปถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นหากต้องมีการสละหน้างานมาเรียนรู้ที่ต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ

อย่างไรก็ดีแม้เทคโนโลยีจะพัฒนามากขึ้นขนาดไหนสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการสร้าง Mindset การอยากเรียนรู้ และเข้าใจว่าความรู้นั้นมีวันหมดอายุ เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากในการที่จะทำให้พนักงานพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เราพบข้อมูลที่น่าตกใจเกี่ยวกับทัศนคติต่อการเรียนรู้ของคนไทย จากงานวิจัยเรื่อง งานและทักษะสำหรับโลกใหม่ ของ ดร.เสาวรัจ รัตนคำฟู ผู้อำนวยการวิจัย ทีดีอาร์ไอ ซึ่งเป็นการสำรวจหนุ่มสาวใน ASEAN ที่มีอายุ 15-35 ปี จำนวน 56,000 คน พบว่า 30% ของหนุ่มสาวไทยเชื่อว่าทักษะของตนเองสามารถใช้ได้ตลอดชีวิต ในขณะที่หนุ่มสาวของสิงคโปร์และเวียดนามมีเพียง 10% เท่านั้นที่คิดแบบนี้ ฉะนั้น ก่อนที่จะเริ่มต้นเอาเทคโนโลยีใด ๆ เข้ามาใช้งานในการพัฒนา เราต้องเริ่มให้ทุกคนในองค์กรได้เห็นก่อนว่า เขาจำเป็นต้องพัฒนา และความรู้ของเขามีวันหมดอายุ ถ้าไม่ระมัดระวังและพัฒนาตนเอง ไม่เช่นนั้นแล้วต่อให้เทคโนโลยีการเรียนรู้จะก้าวหน้าเพียงใด ก็ไม่อาจยกระดับทักษะของใครได้เลย

References

https://www.forbes.com/sites/forbestechcouncil/2021/09/30/three-ways-technology-can-enhance-employee-training/?sh=6cc59e5545f2

https://www.nytimes.com/2021/09/09/technology/facebook-wayfarer-stories-smart-glasses.html

https://www.adp.com/spark/articles/2020/10/elevating-the-role-of-technology-in-training-and-development.aspx

https://elearningindustry.com/top-educational-technology-trends-2020-2021

https://tdri.or.th/wp-content/uploads/2021/11/Paper3-Slide01.pdf

Tag:
No items found.
Share this post:
วัฒนศักดิ์ วิบูลย์ชัยกุล

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024