>
กระบวนการพัฒนา Talent ให้ยั่งยืน
October 30, 2020

กระบวนการพัฒนา Talent ให้ยั่งยืน

เราทำให้คนทั้งองค์กรเชื่อว่า “มีกระบวนการที่จะทำให้เขาสามารถเติบโตได้ตามศักยภาพของเขา” ไม่ได้แบ่งแยกคนในองค์ว่าเป็น Talent หรือไม่ ซึ่งอาจจะแตกต่างไปจากสิ่งที่ Prof.Dave กล่าวไว้ว่า Talent จะเป็น 15-20% ของคนในองค์กร เหตุผลในความต่างเพื่อขจัดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างกลุ่มคนที่เป็น Talent และไม่ได้เป็น สำหรับผมแล้ว ผมถือว่า Talent คือพนักงานทุกคนร้อยเปอร์เซ็น เพื่อให้การพัฒนาเกิดความยั่งยืน เราจึงไม่ควรที่จะแยกกระบวนพัฒนา Talent ออกมาจากกระบวนการหลักขององค์กร เพราะฉะนั้นในกระบวนการหลักกระบวนการเดียวกันทั้งการทำงานและการพัฒนาควรได้รับการเติบโตในส่วนของพนักงานทุกคน

ในกระบวนการหลักขององค์กรก็เริ่มตั้งแต่การเข้ามาทำงาน ซึ่งในแต่ละปีเราจะมีการทำ Dialog หารือเพื่อกำหนดแผนงานและเป้าหมาย ประกอบด้วย 3 ส่วน KPI (หน้าที่หลัก), Objectives (หน้าที่พิเศษ), Competencies (ขีดความสามารถ) ซึ่งนอกเหนือจากหน้าที่รับผิดชอบหลักแล้วองค์กรคิดว่าการจ้างพนักงานหนึ่งคนมาทำงานใช่เพียงหน้าที่ใดหน้าที่หนึ่งเท่านั้น จะต้องมีหน้าที่หรืองานที่เป็นโปรเจคพิเศษ (Objectives) ให้กับพนักงานอีกด้วย ซึ่งจะนำไปเชื่อมโยงกับเรื่อง Compensation การจ่ายค่าตอบแทนที่อยู่ในรูปแบบของโบนัส และผลรวมของความสำเร็จในหน้าที่รับผิดชอบทั้งหมดจะถูกนำไปประเมินและปรับเพิ่มเงินเดือนพนักงาน

เป้าหมายในการกำหนด Competency เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของพนักงาน โดยแบ่งการพัฒนาขีดความสามารถออกเป็น 2 ส่วนคือ Effective IDP เป็นแผนพัฒนาส่วนบุคคลเพื่อให้พนักงานสามารถทำหน้าที่ในปัจจุบันได้ดี ซึ่งทุกคนในองค์กรจะต้องทำแผนพัฒนาส่วนบุคคลนี้ด้วย แผนพัฒนาอีกส่วนหนึ่งจะเป็นการพัฒนาสำหรับกลุ่มคน 15-20% ที่ Prof.Dave กล่าวไว้ เป็นแผนพัฒนาระยะยาวประมาณ 3 ปี (Long Term IDP) เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับคนกลุ่มนี้ในการก้าวจากระดับหนึ่งขึ้นไปสู่อีกระดับหนึ่งที่สูงกว่า โดยการทำโปรเจคต่างๆ ตามความเหมาะสม และเราก็ทำให้เชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะถูกพัฒนาในลักษณะเดียวกัน ซึ่งองค์กรเองก็ไม่ได้ทึกทักว่าคนทุกคนในองค์กรจะต้องเป็นคนในกลุ่มนี้ นั่นขึ้นอยู่กับศักยภาพของแต่ละบุคคล แต่ถ้าพนักงานคนใดที่มีศักยภาพไม่พอสำหรับการก้าวจากระดับหนึ่งไปอีกระดับหนึ่ง องค์กรก็ยังมี Career Path และสิ่งที่จะดูแลรองรับให้กับพนักงานเหล่านี้เหมือนกับพนักงานที่มีศักยภาพสูงที่พร้อมจะเติบโตไปในองค์กร

ทุกปีเราจะมีการประเมินในช่วงกลางปีและปลายปี สิ่งที่สำคัญจาการประเมินไม่ใช่เพียงแค่นำไปพิจารณาเงินเดือนอย่างเดียว เรานำสิ่งที่ได้จากการประเมินไปทำ Consequence Management เพื่อจัดการกับผลการปฏิบัติงานของพนักงานแต่ละคนให้เหมาะสม สำหรับคนที่มีผลการปฏิบัติงานที่ดีก็ย่อมได้รับค่าตอบแทน และ Career Path ที่ดีกว่ากลุ่มคนที่เป็น Poor Performer หรือมีผลการปฏิบัติการที่ยังไม่ดี ซึ่งองค์กรก็จะต้องมีวิธีการบริหารจัดการกับคนกลุ่มนี้ว่าจะต้องทำอย่างไร พัฒนาส่วนไหน เพื่อให้ผลการปฏิบัติงานเป็นไปตามการประเมินอย่างมีประสิทธิภาพ

การพัฒนาพนักงานเพื่อให้เขาพร้อมที่จะก้าวขึ้นไปสู่ระดับที่สูงกว่า แต่เมื่อตำแหน่งว่างเปิดแต่รับคนจากภายนอกเข้ามา พนักงานก็จะขาดความเชื่อมั่นในระบบพัฒนาที่องค์กรมี เนื่องจากพัฒนาแล้วสุดท้ายก็รับคนข้างนอกเข้ามา ทำให้พนักงานไม่รู้ว่าจะพัฒนาไปเพื่ออะไร องค์กรจะต้องมีการจัดการ Consequence ให้ดีและเชื่อมโยงให้พนักงานได้เห็น สร้างความเชื่อมั่นในระบบขององค์กรที่มี ก่อนการทำ Dialog เพื่อกำหนดทิศทางในด้านต่างๆ นั้น เราจะทำในสิ่งที่เรียกว่า Stay Interview เพื่อพูดคุยกันในเรื่องจุดแข็ง จุดอ่อน และความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหนที่จะสูญเสียคนในองค์กรไปให้กับตลาดภายนอก ดังนั้นสำหรับหัวหน้างานนอกเหนือจากการกำหนด Target แล้วสิ่งที่จะต้องรู้คือ ลูกน้องของตนเองเป็นอย่างไร ต้องการการเติบโตไปทางไหนแล้วองค์กรจะต้องให้การสนับสนุนเขาเหล่านั้นอย่างไร เพื่อให้การพัฒนาบุคลากรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการกำหนดจากผู้บริหารหรือคนใดคนหนึ่งในองค์กร

เราแยกแยะการทำแผนพัฒนาออกเป็น 2 ส่วน (Effective IDP, Long Term IDP) อย่างชัดเจนเพื่อให้สามารถกำหนดแนวทางการพัฒนาได้อย่างถูกต้องและเกิดประสิทธิผลจากการพัฒนา สมมุติว่าเราจะพัฒนา Recruiter ให้เป็นแบบ Specialist สิ่งที่ต้องพัฒนามีอะไรบ้างในการสรรหา แต่ถ้าต้องการพัฒนาให้เป็นหัวหน้างานก็จะต้องดูว่า Competency ของหัวหน้างานนั้นมีอะไรบ้าง ต้องไปพัฒนาส่วนใดเพิ่ม ซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการประเมินผลการปฏิบัติงานอีกด้วย

การทำ Talent Review ในแต่ละปีจะทำการประเมินจากผลการปฏิบัติงานว่าสามารถบรรลุตามตัวชี้วัด (KPI) ที่ตั้งไว้, ทำหน้าที่ที่เป็น Critical Task ได้ดีหรือไม่ และสามารถทำ Competency Development ได้มากน้อยแค่ไหน จากการประเมินทั้งสามอย่างนี้ก็จะสามารถแบ่งคนได้ออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มคนที่มีความสามารถ (Ability), กลุ่มคนที่มีความมุ่งมาดปรารถนา (Aspiration) และกลุ่มคนที่มีความผูกพันต่อองค์กร (Engagement) สำหรับกลุ่มที่เป็น Aspiration เป็นกลุ่มที่ Prof.Dave กล่าวไว้ว่าให้องค์กรควรมีมากๆ แต่คุณทัสพรเห็นต่างไปจากนั้น เนื่องจากคนกลุ่มนี้มักจะเป็นคนที่ไม่ชอบทำงานซ้ำๆ เดิมๆ ชอบทำงานที่สร้างสรรค์ใหม่ๆ อยู่เสมอ มองหาความท้ายทายในการทำงาน หาโอกาสในการเติบโต ถ้าองค์กรไม่สามารถที่จะสนองในความเป็นตัวตนของคนกลุ่มนี้ได้ ก็มีโอกาสสูงที่องค์กรก็จะสูญเสียกลุ่มคนเหล่านี้ไปให้กับองค์กรอื่นที่สามารถหยิบยื่นโอกาสให้กับเขาได้มากกว่า ดังนั้นเราจึงมุ่งเน้นและยังคงให้ความต้องการกับคนกลุ่มที่มีความสามารถ (Ability) ซึ่งเราให้ความสำคัญถึง 60% สำหรับคนกลุ่มนี้ องค์กรเรามีการวางแผนเพื่อพัฒนาให้เขาสามารถเติบโตไปได้ตามศักยภาพ แต่ไม่ได้หมายถึงทั้งหมดของคนในกลุ่มที่มีความสามารถ เนื่องจากบางคนไม่ต้องการเติบโตในหน้าที่ ต้องการอยู่แบบเดิมทั้งที่มีความสามารถสูง อาจจะเป็นเพราะความต้องการที่จะรักษาสภาพความสมดุลในชีวิตของเขาเอง องค์กรเราจึงไม่ทึกทักว่าทุกคนจะต้องเติบโตในหน้าที่การงาน นั่นทำให้เราต้องรู้ว่าพนักงานคนไหนต้องการอะไร มีทิศทางอย่างไรในการทำงาน ก็จะทำให้เราสามารถที่จะจัดทำแผนงานและแผนพัฒนา วางบุคลากรไว้ได้ถูกที่ถูกตำแหน่ง เพราะในการพัฒนาคนย่อมต้องมีการลงทุน เมื่อลงทุนพัฒนาเขาให้เติบโตแล้ว มีตำแหน่งเปิดพร้อมรับ แต่เขาไม่ไป ก็จะทำให้การลงทุนนั่นสูญเปล่าได้ เป็นสิ่งที่จะย้ำให้ท่านผู้บริหารหรือ HR ต้องคำนึงถึงว่า แม้จะเป็นคนในกลุ่มเดียวกันแต่ก็ยังมีความแตกต่างในความต้องการที่ต่างกัน เพื่อไม่ให้เสียเวลา หรือสูญเปล่าในการลงทุนพัฒนา สิ่งที่ต้องเรียนรู้ก็คือเข้าใจในตัวพนักงานนั่นเอง

ส่วนกลุ่มที่เป็นคนที่ผูกพันกับองค์กร (Engagement) ในส่วนนี้เป็นส่วนที่วัดได้ยาก แต่ถ้าเป็น หัวหน้างานที่มีการพูดคุยกับลูกน้องอยู่บ่อยๆก็จะทำให้พอทราบว่าลูกน้องคนไหนที่ผูกพันกับองค์กร หรือคนไหนที่สามารถจูงใจได้ด้วยเงิน สถานะของคนทั้งสามกลุ่มนี้อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้อยู่เสมอจากสภาพแวดล้อมทั้งความคิด ครอบครัว เศรษฐกิจและอื่นๆ ที่จะมีผลกระทบต่อตัวพนักงาน เราจึงต้องมีการ Review ทุกปีและมีการเปิดโอกาสให้พนักงานสามารถหมุนเวียนงานไปส่วนที่ต้องการ ซึ่งก็จะต้องดูว่าต้องพัฒนาส่วนใดเพิ่มเติมให้คนๆ นั้นมี Competency ที่ตรงกับหน้าที่ที่รับผิดชอบ นั่นก็จะทำให้กลับเข้าไปสู่ระบบหลักของการทำงาน การพัฒนาและการประเมิน

Tag:
No items found.
Share this post:
Tas Chantree

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024