>
Future of Workforce จะเป็นอย่างไร กับการเข้ามาของ Decentralization, Crypto, NFT, DAO และ P2P Platfor
December 2, 2021

Future of Workforce จะเป็นอย่างไร กับการเข้ามาของ Decentralization, Crypto, NFT, DAO และ P2P Platfor

อนึ่ง บทความนี้คงหลีกเลี่ยงการกล่าวถึงคำศัพท์ทางเทคนิคหลาย ๆ คำไม่ได้ หากท่านผู้อ่านเกิดข้อสงสัย หรืออาจไม่กระจ่างในคำอธิบายที่ถูกจำกัดด้วยขนาดของพื้นที่บทความนี้ ทางผู้เขียนได้ใส่แหล่งที่มาเอาไว้ให้ที่เอกสารอ้างอิงด้านล่างบทความ เพื่อนำไปต่อยอดทางความรู้ได้

การปฏิวัติครั้งใหญ่ต่อจากการปฏัวัติอุตสาหกรรม และวิทยาศาสตร์คือ การเกิดนวัตกรรมหนึ่งที่เราเรียกกันอย่างติดปากว่า Internet แน่นอนว่าเครือข่ายเชื่อมโยงที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่านี้เข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคทั้งโลกอย่างชนิดที่เรียกว่าก้าวกระโดด บริษัทขนาดเล็กที่เรามักเรียกกันว่า startup สามารถใช้ศักยภาพของเทคโนโลยีนี้เข้ามาต่อสู้กับองค์กรขนาดใหญ่ที่ก่อตั้งมาร่วมร้อยปีได้ชนิดที่ต่างกันหลายร้อยหลายพันเท่า ทั้งในแง่ของทรัพยากร เงินทุน และชื่อเสียง เราได้ดำรงชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่บริษัทผลิตกล้องขนาดใหญ่ ถูกบริษัทขนาดเล็กที่จำนวนพนักงานไม่ถึงยี่สิบคนแย่งชิงพื้นที่ของธุรกิจภาพถ่ายไปได้ (Kodak vs. Instagram) เราได้เห็นการปรับรูปแบบการติดต่องานต่าง ๆ และการทำงานแบบที่เคยทำมาหลายสิบปีเปลี่ยนไปเป็นโลก Online มากขึ้น (รวมถึงการกระตุ้นและเร่งความเร็วในการเปลี่ยนแปลงจาก Covid-19) และนั่นทำให้โลกของคนทำงานไม่มีทางกลับไปเป็นแบบเดิมได้อีกเลย โดยเฉพาะในแง่ของความรวดเร็ว และการเข้าถึง

ศตวรรษใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ นวัตกรรมเปลี่ยนโลกอีกตัวหนึ่งได้ถือกำเนิดขึ้นมา สิ่งนั้นคือ Blockchain ซึ่งหากจะขออธิบายสั้น ๆ ง่าย ๆ คือ การตัดตัวกลางต่าง ๆ ที่เกิดในโลกธุรกรรมทั้งหมดทิ้งไปโดยเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีการประมวลผลและการจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์เข้ามาทดแทนตัวกลางต่าง ๆ ที่มีความน่าเชื่อถือทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร นายหน้า หรือผู้ประกันราคาต่าง ๆ หากจะยกตัวอย่างที่เกี่ยวข้องกับงาน HR ก็เช่น ทุกวันนี้เราต้องพึ่งพาหน่วยงานราชการเพื่อรับรองสิทธิบางอย่างของลูกจ้าง แต่หากนำระบบ Blockchain เข้ามาใช้ และกระจายข้อมูลต่าง ๆ ให้เป็นสาธารณะ (ซึ่งมีสิทธิเข้าถึงได้เฉพาะเจ้าของ หรือ owner เท่านั้น) โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาตัวกลางอีกต่อไป การตรวจสอบประวัติอาชญากรรม การขอดูภาษีย้อนหลัง การดูประวัติการขึ้นค่าจ้างจากนายจ้างเก่า หรือกระทั่งประวัติการโดนหนังสือเตือน ก็จะสามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้องเสียเวลาร้องขอหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเพื่อเสียเวลาในการไล่หาข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์ที่ต้องการ “ผู้รับรองความถูกต้อง” อีกต่อไป เพราะข้อมูลเหล่านั้นได้รับการรับรองจากสาธารณะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีระบบหลังบ้านที่เข้มแข็งอย่าง Blockchain ป้องกันการปลอมแปลงข้อมูล (ศึกษาเรื่อง Smart Contract เพิ่มเติมได้หากท่านต้องการ)

ดังนั้นเมื่อไร้ตัวกลาง นั่นก็หมายความว่าอำนาจ หรือความเป็นเจ้าของข้อมูลแสดงสิทธิต่าง ๆ ถูกกระจายกลับมายังปัจเจกชนทุกคน สิ่งนี้คือกระบวนการที่เราเรียกกันว่า Decentralization (ไร้ศูนย์กลาง) เมื่อไม่มีคนกลางที่มีหน้าที่เป็นผู้สร้าง trust หรือความน่าเชื่อถืออีกต่อไป คนทุกคนก็จะเริ่มมีอิสระในการทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้ประหยัดขึ้น สะดวกขึ้น รวดเร็วขึ้น และง่ายขึ้น ยกตัวอย่างเช่น หากพนักงานท่านหนึ่ง ต้องการที่จะใช้สวัสดิการกู้บ้าน ก็เพียงแค่ส่งข้อมูลจาก Blockchain ส่งไปหาผู้ให้กู้ ซึ่งจะเป็นใครก็ได้ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นสถาบันทางการเงินเพียงอย่างเดียว หรือหากเป็นกระบวนการ recruitment แล้วต้องการตรวจสอบประวัติการทำงานย้อนหลัง ก็ไม่จำเป็นต้องติดต่อนายจ้างเดิม หรือร้องขอเอกสารจากที่ต่าง ๆ ให้วุ่นวาย เพียงแค่ขอข้อมูลจากพนักงานโดยตรงก็จะได้รับข้อมูลย้อนหลังที่มีความน่าเชื่อถือ 100% แทน ซึ่งกระบวนการเหล่านี้เราเรียกว่าระบบ Peer to Peer platform ซึ่งลองจินตนาการดูว่าหากเราทำศักยภาพของระบบนี้มาใช้ในการบริหารงานบุคคลจะเปิดขอบเขตในการจ้างงานออกไปได้กว้างขึ้นขนาดไหน การสร้างแรงงานจากภายนอกองค์กรก็จะปลอดภัยมากขึ้น เช่นการจ้างผ่าน crowd sourcing หรือ gig works ที่เป็นงานไม่ประจำและทำเพียงครั้งคราว แล้วนำข้อมูลสัญญาจ้างทั้งหมดขึ้นระบบแบบ Decentralized

โลกในยุคใหม่ กำลังเริ่มจะมีการจ่ายเงินเดือนพนักงานด้วย Cryptocurrency และ Token มากขึ้น เพื่อหลีกหนีความยุ่งยากของระบบต่าง ๆ ที่มีข้อจำกัดในการจ้างงาน เช่นพนักงานที่ไม่อยากรับอัตราผันผวนของสกุลเงินต่าง ๆ หรือการให้เป็นสวัสดิการระยะยาว (Long Term Incentive) ด้วยการให้ Token (หรือที่เราชอบเรียกกันว่าเหรียญ) ที่เสมือนเป็น “หุ้น” ที่ยังไม่มีมูลค่าแต่จะมีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทุกขณะที่บริษัทได้เติบโตขึ้นไป ซึ่งมีข้อดีคือฝ่ายเจ้าของบริษัทเองก็จะไม่เสียสิทธิในความเป็นเจ้าของออกไปเช่นกัน ทำให้สามารถบริหารจัดการ talent ได้ง่ายขึ้น ลองนึกภาพบริษัทต้องเข้าไปแข่งขันเพื่อหาตำแหน่งงานหายากที่เป็นที่ต้องการของตลาด แล้วสามารถยื่นข้อเสนอพิเศษขึ้นมาด้วยการให้ Company Token ที่จะมีมูลค่ามากขึ้นในอนาคต นอกจากจะสร้างความแตกต่างในการให้สิทธิประโยชน์และค่าตอบแทนแล้ว ยังได้ engagement tool ที่เอาไว้ยึดเหนี่ยวพนักงานในตำแหน่งสำคัญในระยะยาวได้อีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีไอเดียในการสร้าง employee experience เพิ่มเติมในองค์กรโดยการใช้สินทรัพย์ที่เรียกว่า Non-Fungible Token หรือ NFT โดยหากจะอธิบายง่าย ๆ NFT คือสิ่งของทั่วไปที่มีอยู่บนโลกใบนี้ทั้งที่จับต้องได้ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ปากกา หรือจับต้องไม่ได้ เช่น ไฟล์รูปภาพ สกุลเงินดิจิตอล ที่ไม่ได้มีมูลค่าตายตัว ซึ่งไม่เหมือนกับ “เงิน” ที่มีมูลค่าที่ได้รับการยอมรับเทียบเท่าหรือเกือบเท่ากับมูลค่าจริงของมัน เช่น แบงค์ 500 บาท ไม่ว่าจะเปลี่ยนกี่มือก็จะมีมูลค่า 500 เช่นนั้น แต่ NFT คืออะไรก็ได้บนโลกใบนี้ที่เอาแลกเปลี่ยนกันบนเทคโนโลยี Blockchain ยกตัวอย่างเช่น การ์ดรูปนางงาม Miss Thailand Universe ก็จะมีคนที่ให้มูลค่าการ์ดใบนี้ไม่เท่ากันและแต่ละครั้งที่เปลี่ยนมือจากผู้เป็นเจ้าของ ก็จะมีมูลค่าที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งจริง ๆ แล้วเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรเลย การที่เราขุดดินแล้วเจอพระเครื่องหายากแล้วนำไปประมูลขายก็คือ NFT เช่นกัน เพียงแต่ด้วยเทคโนโลยีของ Blockchain ที่เข้ามาช่วยให้การแลกเปลี่ยนนี้ง่ายขึ้น ปลอดภัยขึ้น และสามารถยืนยันความเป็นเจ้าของได้ จึงทำให้องค์กรสามารถสร้าง Compensation and Benefit ที่หลากหลายขึ้นไปได้อีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น สมัยก่อนเมื่อพนักงานทำงานครบ 10 ปี นายจ้างก็อาจจะตอบแทนด้วยหนังสือขอบคุณและสร้อยข้อมือ หรือคูปองเงินสดของห้างร้านต่าง ๆ แต่ถ้าเราเอา NFT เข้ามาใช้ แล้วให้พนักงานเป็นรูปภาพ Brand Ambassador หรือ Presenter ที่เป็นดารา นักร้อง ศิลปิน หรือผู้ทรงอิทธิพล (Influencer) พร้อมข้อความเสียงส่วนตัว หรือลายเซนต์ ก็จะทำให้สามารถออกแบบประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการสร้าง engagement program ขึ้นมาได้อีกหลากหลายรูปแบบ

เทคโนโลยีสุดท้ายที่จะขอเขียนถึงในครั้งนี้คือ DAO หรือ Decentralized Autonomous Organization หรือแปลตรงตัวว่าองค์กรอัตโนมัติแบบกระจายศูนย์ หากเราลองนึกภาพของคำว่า “องค์กร” เราจะนึกถึงสถานที่ทำงาน มีห้องทำงาน ห้องประชุม พนักงาน สายบังคับบัญชา อำนาจดำเนินการ สัญญาจ้างงาน ข้อบังคับการทำงาน กฏระเบียบมากมายที่เป็นเอกสารกองเป็นตั้ง ๆ เวลาจะเสนอไอเดียในการทำงาน ลงทุน หรือซื้อกิจการ ก็จะต้องมีการประชุมวางแผน เสนอไอเดีย เข้าที่ประชุมอนุมัติ ศึกษา แก้ไข และนำเสนอเพื่อพิจารณาไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเกิดความมั่นใจที่สุดจากผู้มีอำนาจมากที่สุดในองค์กร งานถึงจะเกิดขึ้นมาได้ แต่หากลองคิดใหม่ว่า “องค์กร” ที่ว่ามาไม่มีสิ่งดังกล่าวเลย แต่มีการเขียนโปรแกรมขึ้นมาให้ทุกคนมีสิทธิในการ “ออกเสียง” ผ่าน Token ที่องค์กรสร้างไว้ให้คนที่อยากเข้าร่วมองค์กรนี้ถือ และให้อำนาจในการตัดสินใจของทุกคนตามเสียงที่มี และหากตกลงกันได้ตามสัญญาที่กำหนด ระบบก็จะเริ่มทำงานผ่านโปรแกรมที่เขียนขึ้นไว้ทันทีอย่างอัตโนมัติ ยกตัวอย่างเช่น องค์กรหนึ่งต้องการที่จะสร้างระบบให้กู้เงินขึ้นมาผ่าน Peer to Peer (P2P) แต่องค์กรนี้ไม่จำเป็นจะต้องเป็นสถาบันทางการเงินที่ได้รับการรับรองจากตัวกลาง เช่น ธนาคารแห่งชาติ เพียงแค่ประกาศรับสมัครพนักงานที่สนใจจะปล่อยเงินกู้เข้ามารวมกันบน Blockchain จากนั้นก็ออก Token ให้พนักงานแต่ละคนถือเพื่อพิจารณาออกเสียงว่าจะให้ผู้ที่เข้ามากู้ยืมเงินสามารถขอกู้ได้หรือไม่ เช่น นำไปลงทุนสร้างกิจการ จากนั้นเมื่อกิจการดังกล่าวประสบความสำเร็จ ผู้ให้กู้ในองค์กรดังกล่าวก็จะได้รับการจัดสรรปันส่วนตามที่ตกลงกันไว้บน Blockchain นั่นเอง โดยที่การดำเนินการทั้งหมดเป็นไปอย่างอัตโนมัติทันที ไม่ต้องมีการนัดประชุมหลายสิบรอบ ไม่ต้องทำเอกสารเพื่อขออนุมัติ หรือคอยนัดประชุมย่อยเพื่อหารือแผนงานอีกต่อไป

อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีที่กล่าวมาทั้งหมด ย่อมมีทั้งผลดี ผลเสีย ความยาก และความง่ายในการนำไปประยุกต์ใช้จริง และไม่ได้มีความจำเป็นว่าเราจะต้องหยิบมันไปใช้ 100% ทันทีเพื่อกลัวตกกระแสแต่อย่างใด ทุก ๆ การปฏิวัติย่อมมีการสะดุด ล้ม และลุกขึ้นมาปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่น่าสนใจคือ ด้วยเทคโนโลยีที่กำลังจะเข้ามาในอนาคตนั้น อะไรที่จะสามารถสร้างความสุขในการทำงานเพิ่มขึ้นได้ ในฐานะ HR ก็เป็นคำถามใหญ่ที่น่าสนใจเช่นกัน

อ้างอิง

Blockchain คืออะไร? การปฏิวัติตัวกลางครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ - FINNOMENA

องค์กรอัตโนมัติ DAO คืออะไร? - FINNOMENA

The Story of the DAO — Its History and Consequences | by Samuel Falkon | The Startup | Medium

NFT คืออะไร?: The NFT Bible — Part 1 - FINNOMENA

P2P Lending คือ อะไร? - FINNOMENA

SMART CONTRACT คืออะไร ? - สพธอ. (etda.or.th)

"Cryptocurrency" คืออะไร - มีวิธีคัดเลือกเหรียญที่จะลงทุนยังไงบ้าง ? (moneybuffalo.in.th)

Unleashing The Decentralised Workforce - by Andy Spence (substack.com)

FWTC21| Andrew Spence - Blockchain, Decentralized Workforce and what it means for the Future of Work - YouTube

Tag:
No items found.
Share this post:
ภคภัค สังขะสุนทร

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024