>
Work-Life Integration ชีวิตมีสีสันผสานกับงานอย่างลงตัว
September 30, 2021

Work-Life Integration ชีวิตมีสีสันผสานกับงานอย่างลงตัว

เมื่อออนไลน์คือทางรอดในปัจจุบัน และคนรุ่นใหม่ต้องการชีวิตที่อิสระมากขึ้น เราจึงได้ยินคำใหม่ที่สะท้อนความคิดของคนโลกดิจิตอลคือคำว่า ผู้เร่ร่อน (Digital Nomad) หมายถึง บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่หาเลี้ยงชีพด้วยธุรกิจออนไลน์ ซึ่งสามารถทำงานจากที่ใดก็ได้บนโลกใบนี้ขอเพียงมีอินเตอร์เน็ตแรงๆ ก็พอ จึงมีการสำรวจที่น่าสนใจโดยเว็บไซต์ Holidu.co.uk ของประเทศอังกฤษซึ่งจัดอันดับ 150 เมือง สำหรับการทำงานและพักผ่อน โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ที่สำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการทำงานและพักผ่อนในเวลาเดียวกัน ผลปรากฏว่า กรุงเทพมหานคร ได้ครองอันดับ 1 เมืองสำหรับการทำงานและพักผ่อนที่สุดในโลก (อ่านเพิ่มเติม) ดังนั้นในปัจจุบันวันทำงานกับวันหยุดพักผ่อนจึงแยกไม่ค่อยออก การนั่งทำงานกับการให้เวลากับครอบครัว หรือใช้เวลาเพื่อชีวิตส่วนตัวจำเป็นต้องผสมผสานกันอย่างลงตัว จึงทำให้ชีวิตมีความสุขได้

หากเรายังติดกับคำว่า Work-Life Balance หรือการสร้างความสมดุลระหว่างการทำงานกับการดำเนินชีวิต เรามักจะคิดว่าแต่ละวันต้องแบ่งเวลาให้สมดุล ทำงานตามเวลาที่เขาจ้างเรา หมดเวลาทำงานแล้วก็เป็นเวลาของครอบครัว ดังนั้นเมื่อมีข้อความ อีเมล์ หรือการติดต่อจากที่ทำงาน เราก็จะรู้สึกว่าโดนขี้โกงเวลา โดนเอาเปรียบ ฯลฯ ใจอาจต่อต้าน รู้สึกไม่ชอบ ฯลฯ งานที่ทำผ่านความคิดลบก็ออกมาไม่ค่อยดี ไม่ทำเต็มความสามารถ เพราะความคิดอยู่ในกรอบที่ว่า วันนี้ ไม่ใช้วันทำงาน ยังไม่ทำ ซึ่งงานบางอย่างอาจจะใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที เราก็จะยังไม่ทำ งานก็เดินต่อไม่ได้ และในปัจจุบันที่มุ่งเน้นเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) จึงเรียกร้องการทำงานเหมือนไม่มีวันหยุด เราก็เลยไม่ค่อยมีความสุขกับการทำงาน

Work-Life Integration ชีวิตมีสีสันผสานกับงานอย่างลงตัว นั้นเปรียบเหมือนการผสมผสานสีสันหลากสีเข้าไว้ในแต่ละวัน ชีวิตมีสีสัน ทำงานสนุกมีความสุขกับครอบครัวหรือท่องเที่ยวในระหว่างทำงาน ทำไปเที่ยวไป แบ่งเวลาทำงานสลับเที่ยว จัดสรรเวลา และลำดับความสำคัญ ชีวิตทุกวันก็มีความสุข โดยเฉพาะบางบริษัทที่เปิดโอกาสให้ทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work From Anywhere) ก็จะเห็นความสำคัญของ Work-Life Integration ได้เป็นอย่างดี และรู้สึกว่าชีวิตจัดสรรได้ สามารถทำในสิ่งที่อยากทำได้เกือบทุกวัน คนรุ่นใหม่ที่อยากมีชีวิตอิสระจึงต้องเข้าใจว่า เราจะมีอิสระได้นั้นต้องบังคับตัวเองให้ได้ว่าตอนไหนต้องทำอะไร จะเห็นว่านักธุรกิจออนไลน์รุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จทำงานทุกวันผสมผสานการทำงานกับชีวิตส่วนตัวได้ดี เปรียบบ้านเรือนที่หลากสีสันนี้กับ Work-Life Integration ที่ผสมผสานกันอย่างสวยงาม

วิธีทำให้ชีวิตมีสีสันผสานกับงานอย่างลงตัว (Work-Life Integration) ผมขอแชร์จากประสบการณ์ดังนี้

1. ปรับความคิดให้ยืดหยุ่น (Flexibility) ปรับความคิดว่าการทำงานในปัจจุบันมีการแข่งขันสูงจึงต้องเน้นความรวดเร็วเพราะลูกค้าไม่จำเป็นต้องรอ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องทำงานในช่วงนอกเวลางานหรือวันหยุดในบางครั้ง เราจึงต้องปรับตัวเราให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น  

2. จัดตารางเวลาและลำดับความสำคัญของงานและชีวิตส่วนตัว (Scheduling and Priority) ในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์มีเรื่องสำคัญๆ ที่แบ่งแยกออกมาเป็นแผนงานประสานกับชีวิตส่วนตัว ก็จะกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน (Routine) ใหม่ที่ส่งเสริมการทำงานแบบ Work-Life Integration ได้ นั่นหมายถึงว่าเราจัดสรรเวลาให้ครบทั้ง 4 ด้านในตารางของเรา คือ งาน (work) ครอบครัว (home/family) ชุมชน (community) ความเป็นอยู่และสุขภาพที่ดีของเรา (personal well-being and health) ด้วยความสะดวกที่มีดิจิตอลและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงาน งานบางงานใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ เราสามารถสลับกลับไปมาระหว่างงานกับเรื่องอื่นๆ ที่อยู่ในตารางของเราได้ เหมือนกับการโยนลูกบอล 3-4 ลูกที่เราสามารถฝึกฝนจนกลายเป็นเรื่องง่าย ชีวิตลงตัวได้และมีอิสระ

3. ตั้งใจทำงาน (Focus) เมื่อจัดตารางเวลาไว้แล้ว จะต้องมุ่งมั่นตั้งใจมีวินัยทำให้เสร็จตามเวลา ข้อสำคัญคือควรจะเตรียมสิ่งที่ต้องใช้ในการทำงานไว้ล่วงหน้าด้วย หากลงมือทำแล้วติดปัญหา คิดไม่ออก ต้องหาวิธี หาทางออกหรือหาคนช่วย ไม่ทิ้งไว้ ไม่หาข้ออ้างให้ตัวเองแล้วไปทำอย่างอื่นที่ทำให้สบายใจ แต่งานไม่เสร็จ เกิดความรู้สึก “ไอ้โน่นก็ไม่ดี ไอ้นี่ก็ไม่เสร็จ” งานเริ่มสะสมก็จะเกิดความกังวลหรือเครียดได้

4. สร้างแรงจูงใจให้ตัวเอง (Self-Motivation) เมื่อเรามีความยืดหยุ่นในวิธีคิดแล้ว แรงจูงใจก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราลงมือทำงานให้สำเร็จได้ โดยเฉพาะกรณีที่ Work From Home หรือ Work From Anywhere ไม่มีใครมาเฝ้าดูการทำงานหรือบังคับเรา เราจะต้องขับเคลื่อนความสำเร็จด้วยตัวเอง วิธีง่ายๆ ที่จะสร้างแรงจูงใจทำงานให้เสร็จในเวลาที่กำหนด เช่น เดิมพันกับตัวเอง บอกกับตัวเองว่า ต้องเช็คและตอบอีเมล์ให้เสร็จก่อนถึงจะไปกินกาแฟ ดังนั้นเรามีกาแฟเป็นรางวัล หากงานชิ้นนั้นใช้เวลามาก ก็สามารถกำหนดว่า เมื่อเสร็จถึงส่วนไหนแล้วจึงไปกินกาแฟ เพื่อมีเป้าหมายให้พิชิต โดยไม่ปล่อยให้ไปตามความรู้สึก (อยากกินกาแฟ) ของร่างกาย อีกตัวอย่างของแรงจูงใจคือการนำเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของเรามาสร้างแรงจูงใจเพื่อเราจะพิชิตเป้าหมายในทุกวัน

5. สื่อสารให้คนในครอบครัวเข้าใจ (Communication) เรื่องการทำงานที่เข้ามาแทรกอยู่ในชีวิตส่วนตัวนี้คนในครอบครัวจะต้องเข้าใจว่าบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบในงานของเราคืออะไร สำคัญต่อความมั่นคง ความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่อย่างไร และเราจะแบ่งเวลาให้ครอบครัวอย่างลงตัวได้อย่างไร

หากเราสามารถให้การทำงานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันที่ลงตัวและ Work From HEART ผมเชื่อว่าทุกท่านสามารถเตรียมพร้อมที่จะเป็น Digital Nomad ทำงานที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้ ชีวิตมีอิสระ มีสิสันผสมผสานกับการทำงานที่ลงตัวอย่างแท้จริง

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

https://hbr.org/2014/10/what-successful-work-and-life-integration-looks-like

https://haas.berkeley.edu/human-resources/work-life-integration/

Tag:
No items found.
Share this post:
นพพร โสวรรณะ (หนุ่ย)

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024